วันที่ 5 มี.ค. 2568 ที่บริเวณริมฟุตบาทด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า ถนนพลหโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พานางนงนุช บ่ายคล้อย หรือ ป้าน้อย อายุ 60 ปี ชาวบ้านจากเขตตลิ่งชัน กทม. ระบุว่า ตนเองเป็นญาติกับ ประวีณมัย บ่ายคล้อย นักข่าว/ผู้ประกาศ ช่องดัง รวมทั้งเป็นเพื่อนกับนักมวยไทยชื่อดังในอดีตทั้ง ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ และ สามารถ พยัคอรุณ
กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.67 เวลาประมาณ 06.40 น. ตนเองถูกทำร้ายโดยเมียและลูกๆ ของ นายน้อย คนในซอยเดียวกัน ซึ่งเป็นคู่กรณีกันอยู่ ก่อนเกิดเหตุเธอกำลังจะไปใส่บาตรซึ่งเป็นวันพระใหญ่ หลังจากเล่นไพ่ดัมมี่ สนุกๆ กับเพื่อนมาทั้งคืน ขณะเดินผ่านตลาดบริเวณซอยบางแวก 2 ก่อนถึงวัดปากน้ำฝั่งใต้ แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กทม.มีคนทักว่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย ตนก็บอกไปว่ามีปัญหามีเรื่องราวกับคนแถวบ้าน พอดีเมียนายน้อยคู่กรณี ยืนขายของอยู่ได้ยืน ไม่พอใจตรงมาผลักอก ก่อนจะไปคว้ามีดและตามลูก ๆ มา จนเกิดการต่อสู้กันจนล้มคว่ำกันทั้งคู่
ตนอยู่ข้างบน ก่อนจะโดนลูกสาวนายน้อยดึงผม ลูกชายเขาใช้เท้าเตะเสยเข้ามาที่ก้านคอจนสลบไป ปากก็ร้องว่าไม่ได้รุม ก่อนมีคนเอายาดมมาให้จนฟื้น พาเธอไปบนโรงพัก สน. บางเสาธง พบว่าสร้อยคอราคา 1 หมื่นบาทเศษ ขาดหายไปเหลืออยู่ครึ่งเส้น ก่อนตำรวจให้มูลนิธิพาไปส่งโรงพยาบาล ป้าน้อย บอกว่าตอนแรกคิดว่าสลบไปเอง แต่เมื่อกลับบ้านมีคนบอกมีคนถ่ายคลิปไว้ตอนเกิดเหตุ ไว้ได้ แต่จะมอบให้เธอแลกกับการยกหนี้สินที่ค้างอยู่ 7 พันบาท
เมื่อตนดูคลิปจึงรู้ว่าถูกลูกชายนายน้อยเตะจนสลบ เชื่อว่า สาเหตุน่าจะมาจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย.67 นายน้อย เมาเบียร์มาจากไหนไม่รู้แล้วพูดจาไม่ดี ด่าว่าเธอเสียๆ หายๆ ขณะนั่งอยู่ในร้านขายของชำ จนรู้สึกทนไม่ได้ ได้ใช้เท้าถีบนายน้อยเบาๆ ไป 1 ที เป็นเหตุให้นายน้อยล้มไปบนพื้น หลังจากนั้นนายน้อยกลับไปหยิบเอามีดดาบยาว เดินกลับมาจะมาทำร้ายเธอ แต่ญาติเขาห้ามไว้ แย่งมีดไป(ตามภาพในคลิปวงจรปิด) หลังเกิดเหตุเธอถีบนายน้อย ได้ 2 วัน เมียนายน้อย มาถามว่าน้อยไหล่หัก จะให้เงินช่วยเหลือเท่าไร เธอเห็นว่านายน้อยยังรับจ้าง ถอดผ้าที่พันแขนไว้ออกเวลาทำงานได้ ไม่เห็นว่าจะเจ็บตามที่เมียนายน้อยบอก จึงปฏิเสธ บอกให้ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายเอง
ป้าน้อยบอกจำเป็นที่จะต้องมาร้องขอความเป็นธรรมจากกองปราบฯ เพราะคดีความของเธอไม่คืบหน้า เหตุการณ์ถูกทำร้ายผ่านไปสามเดือนอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี หมอให้ยามากินจำนวนมาก มีอาการหน้ามืดตลอดเวลาแต่ตำรวจ สน.บางเสาธง บก.น.7 ไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่มีคลิปเห็นหน้าคนทำร้ายอย่างชัดเจน ตนมีเพื่อนทนายความที่มาช่วยดูคดียังออกปากบอกเลิกทำคดีให้ตนแล้ว บอกโรงพักนี้ไม่ไหว ตนไปติดตามสอบถามความคืบหน้าคดีที่โรงพักก็ไม่พบเจอตำรวจสักคน ไม่มีป้ายชื่อเบอร์โทร.ให้ติดต่อเลยมเหมือนเป็น สน.ร้าง มีแต่ตำรวจผี จึงต้องปรึกษาจ่าคิงส์ พามาขอความช่วยเหลือตำรวจกองปราบฯ ในวันนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป. ได้สอบปากคำป้าน้อยก่อนจะให้ความช่วยเหลือทางด้านคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน