เปิดชื่อ 4 จังหวัด กินเห็ดพิษ ป่วยเกือบ 100 ราย

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝน เป็นช่วงเวลาที่ความชื้นในอากาศสูงและมีอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเห็ดหลายชนิด โดยเฉพาะเห็ดป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติจะมีทั้งเห็ดกินได้และเห็ดพิษ ซึ่งมีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกันมากและแยกได้ยาก

โดยเฉพาะเห็ดในระยะดอกตูมจะมีลักษณะคล้ายกัน จนไม่สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่าหากไม่มีความรู้ความชำนาญ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด นำเห็ดพิษมาประกอบอาหารรับประทาน จนเกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้

ซึ่งสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษจากเห็ดพิษ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 19 มิถุนายน 2568 พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากเห็ดพิษ จำนวน 96 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต และเมื่อแยกเป็นรายจังหวัดในพื้นที่อีสานตอนล่าง พบว่า

1 จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วยมากสุด 38 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 2.43 ต่อประชากรแสนคน

2 จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 32 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 2.36 ต่อประชากรแสนคน

3 จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 16 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 1.50 ต่อประชากรแสนคน

4 จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 10 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 0.38 ต่อประชากรแสนคน

ซึ่งกลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ

โดยเห็ดพิษที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็น เห็ดระโงกพิษ หรือบางที่เรียกว่า เห็ดระโงกหิน หรือ เห็ดระงาก หรือ เห็ดไข่ตายซาก ซึ่งเห็ดชนิดนี้คล้ายคลึงกับ เห็ดระโงกขาว หรือเห็ดไข่ห่าน ที่เป็นเห็ดกินได้ โดยเห็ดระโงกพิษ รอบขอบหมวกไม่มีรอยขีด ผิวก้านเรียบหรือมีขนเล็กน้อย ถุงหุ้มโคนรูปถ้วยแนบติดกับโคนก้าน เมื่อผ่าก้านดูจะมีลักษณะตัน

พบมากช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ หรือป่าที่มีลักษณะค่อนข้างโปร่ง มีแสงแดดส่องถึงพื้นล่าง และในพื้นที่ที่มีไม้วงศ์ยางนา เช่น ยางนา ตะเคียน กระบาก รัง พะยอม โดยหลังกินเห็ดระโงกพิษมักไม่เกิดอาการทันที แต่จะมีอาการหลัง 4-6 ชั่วโมงไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมี เห็ดถ่านเลือด ที่มีลักษณะคล้ายกับ เห็ดถ่านเล็ก ที่กินได้ ต่างกันตรงที่เห็ดถ่านเลือดจะมีขนาดดอกเล็กกว่า ไม่มีน้ำยางสีแดงส้ม และมี เห็ดเมือกไครเหลือง ที่มีพิษ ซึ่งประชาชนมักสับสนกับ เห็ดขิง โดย เห็ดเมือกไครเหลือง จะมีเมือกปกคลุมและมีสีดอกเข้มกว่า และยังมี เห็ดหมวกจีน ที่เป็นเห็ดพิษ จะมีความคล้ายกับ เห็ดโคน ที่กินได้ เป็นต้น

ประชาชนจึงต้องใส่ใจและเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น หากจะนำเห็ดชนิดต่าง ๆ มาประกอบอาหาร ควรเลือกเห็ดจากแหล่งที่มีการเพาะพันธุ์เพื่อความปลอดภัย และควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับการกินเห็ด

โดยหากรับประทานเห็ดแล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว เวียนศีรษะ ให้รีบรับประทานผงถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon) และจิบน้ำเกลือแร่ หรือน้ำเปล่าเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป และรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที

พร้อมนำตัวอย่างเห็ดที่เหลือหรือภาพถ่ายเห็ดติดตัวไปด้วย และแจ้งประวัติการกินเห็ดโดยละเอียด เพื่อรับการรักษาได้อย่างถูกวิธี ห้ามกระตุ้นให้อาเจียนเองเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายได้ หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

Leave a Comment