เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพังงา จ.พังงา ได้ตั้งจุดตรวจ บริเวณแยกบายพาส (หน้าศาลากลางจังหวัดพังงา) ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา ระหว่างนั้นพบรถยนต์เก๋งฮอนด้าซิตี้ สีดำ ทะเบียน กฉ-9486 สุรินทร์ ได้ขับเลี้ยวไปทางสถานีขนส่งพังงา อย่างมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งจุดสกัด บนถนนสายรองจึงบังคับให้หยุดรถตรวจพบภายในมีนายมูหามะฯ อายุ 29 ปี อยู่ ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นผู้ขับขี่ และมีนายสุไลมานฯ อายุ 27 ปี อยู่ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นั่งเบาะข้างคนขับ
ภายในห้องโดยสารรถยนต์คันดังกล่าว ตำรวจพบนาฬิกาจับเวลาต้องสงสัย ลักษณะต่อกับสายไฟฟ้าไปยังแผงวงจร บรรจุอยู่ในถุงซิปพลาสติกใส ขนาดประมาณ 10 ซม.ยาว 20 ซม. ซุกซ่อนอยู่กับเสื้อผ้า – เครื่องนอนของผู้ต้องสงสัยทั้งสอง จึงแยกถุงบรรจุวัตถุต้องสงสัยไว้ในวงล้อยางรถยนต์ เพื่อรอการตรวจพิสูจน์และเก็บกู้ หลังการเก็บกู้พบว่ามีดินระเบิดต่อพ่วงกับวัตถุต้องสงสัยจำนวนหนี่ง
จากการซักถามบุคคลทั้งสองทราบว่าได้รับว่าจ้างให้ ขับรถยนต์คันทะเบียน กฉ-9486 สุรินทร์คันดังกล่าว พร้อมวัตถุต้องสงสัย ภายในมี smart phone ใช้กับ Pocket WiFi ให้ใช้ระหว่างเดินทาง จากบ้านสะกอม อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อ 23 มิ.ย.68 เวลา 19.00 น. มุ่งหน้าเข้า จ.ภูเก็ต โดยใช้แผนที่ GPS ที่ผู้ว่าจ้างบันทึกไว้ ผ่านเมืองสงขลา รัตภูมิ พัทลุง ตรัง กระบี่ ทับปุด โดยผลัดกันทำหน้าที่ผู้ขับรถจนกระทั่งถูกตำรวจสกัดจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบได้กั้นเส้นทางบนถนนบายพาสเลี่ยงเมืองพังงา ซึ่งสื่อโซเชียลที่ทราบเหตุการณ์ได้เผยแพร่ข้อมูลสะพัดต่างระบุ ว่าทางเจ้าหน้าที่พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดจนเป็นที่แตกตื่น
ต่อมา ทาง พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.พังงา, พ.ต.อ.วีระพงศ์ รักขิโต ผกก.สภ.เมืองพังงา ร่วมกับ สพฐ.จว.พังงา จนท.EOD ตรวจสถานที่เกิดเหตุ เก็บวัตถุพยาน เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผล โดยทาง พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, นายไพรัตน์ เพชรยวน ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.พังงา ร่วมแถลงข่าว ที่ห้องประชุมกองบังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เขตเทศบาล เมืองพังงา
โดย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 กล่าวว่า วัตถุที่พบดังกล่าวไม่สามารถทำร้ายบุคคลอื่นได้ แต่สามารถนำไปประกอบกับวัตถุอันตราย เป็นแผงวงจร ซึ่งสงสัยได้ว่าจะนำไปกระทำผิดตามกฎหมาย โดยต้องรอทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบวัตถุอันตรายอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งสองคนได้ให้การวกไปวนมาไม่สอดคล้องกัน โดยทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวเข้าสอบสวนอย่างละเอียด และทำการขยายผล จึงไม่อยากให้ ประชาชนและนักท่องเที่ยวตื่นตระหนก ในเรื่องดังกล่าว และเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ EODได้ตัดวงจรทำลายแผงวงจร ดังกล่าวในที่เกิดเหตุแล้ว
นับเป็นการปฎิบัติหน้าที่อย่างน่าชื่นชมของตำรวจ สภ.เมืองพังงา ที่มีไหวพริบปฎิภาณในการทำงานสามารถสกัดกั้นผู้ต้องสงสัยพร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วงวัตถุระเบิดซึ่งกำลังเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ตไว้ได้อีกครั้งโดยก่อนหน้าไม่นานตำรวจ สภ.เมืองพังงาก็ได้ตรวจจับกุมผู้ต้องหาจาก จว.ชายแดนใต้พร้อมอาวุธสงครามเข้าไปยังจังหวัดภูเก็ตมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวจังหวัดพังงา รายงาน
