เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานจิรศักดิ์ทนายความ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ได้มี นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี อดีตครูในวิทยาลัยฯแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กวางโจน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ สุดทนทำงานมา 2 ปี ถูกหักค่าหัวคิวขอจากเงินเดือนที่จ่าย โดยให้ตนเองเปิดบัญชี ธนาคารและบัตร ATM แล้วนำไปให้ไว้กับทางวิทยาลัย จากนั้น เมื่อเงินเดือนออกทางวิทยาลัยก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทน เช่นเงิน 18,000 บาท ก็จะให้ใส่ซองมาเพียง 12,000 บาท ครูก็ถูกหักหัวคิว ไปแล้ว 6,000 บาท แบบนี้เรื่อยมา ดังนั้น ตนจึงไม่พอใจต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ทางการได้มาการตรวจสอบเพื่อสืบสวนหาค่าข้อเท็จจริงต่อไป
สำหรับวิทยาลัยดังกล่าว เปิดสอนหลักสูตร คอมพิวเตอร์ การตลาด ช่างยนต์ ฯลฯ โดยทางวิทยาลัยจะใช้กลยุทธ์หาลูกค้า โดยให้ตนนำรูปแบบหอพักที่มีสภาพดีนำไปลวงโลกเพื่อหานักเรียนเข้ามาเรียน สุดท้ายพอเด็กมาเรียนพบเจอหอพักและสิ่งอุปโภคต่างๆ ภายในวิทยาลัยไม่ตรงตามที่นำเสนอ เด็กนักเรียนบางรายก็จะขอย้ายหรือลาออก แต่ทางวิทยาลัยก็ไม่ยอมให้ออก หรือเมื่อเด็กจะขอคืนวุฒิเดิมที่ใช้ในการสมัครเรียนคืนก็ไม่ให้ จะให้ก็ต่อเมื่อเด็กจะต้องเสียเงินรายละ 9,000 บาท เพื่อแลกกับการเอาวุฒิเดิมกลับคืน
ส่วนใหญ่เด็กที่มาเรียนที่นี่ จะได้เรียนเพียงแค่ปีแรก จากนั้นก็จะต้องส่งออกไปฝึกงานตามสถานที่ต่างๆ ที่ทางวิทยาลัยเตรียมไว้ให้ บางคนก็ฝึกจริงบางคนก็ไม่ได้ฝึกหรือว่าหนีออกไปเลย แต่ทางวิทยาลัยยังใช้ชื่อเบิกงบตรงจากรัฐบาลตลอดระยะเวลา 3 ปีจนจบ บางคนก็ใช้ชื่อแฝงเข้ามา เพื่อขอให้ได้วุฒิไปสมัครงาน สุดท้ายตนเองเหมือนถูกบีบให้วิ่งหาเด็กให้เข้ามาเรียน แต่เมื่อทำงานแล้ว ระบบภายในไม่ตรงตามความเป็นจริงตนจึงได้ขอลาออก มิหนำซ้ำเดือนสุดท้ายที่ลาออกก็ไม่ได้เงินเดือน แถมยังถูกแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหายักยอกทรัพย์อีกด้วย
ล่าสุดวันนี้ ตนจึงได้เดินทางมาที่สำนักงานทนายความ พบกับนายจิรศักดิ์ เมืองจันทร์ ทนายความเกียรตินิยม อันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นทนายความที่สำนักงานดังกล่าว เพื่อขอคำแนะนำและนำข้อมูลมาชี้แจงยื่นให้ทนายได้ตรวจสอบและช่วยเหลือตนในทางคดีความครั้งนี้
ซึ่งทางด้านนายจิรศักดิ์ กล่าวว่า จากนี้ไปในเรื่องของคดีความก็ดำเนินการตามกฏหมายไป แต่ในเรื่องของการที่นำรายชื่อเด็กและบุคลากร (ทิพย์) มาจ่ายเงินอุดหนุนจากรัฐบาลนั้น ตนจะพาผู้ร้องดำเนินการยื่นหนังสือถึงหน่วยงานของ สตง. และหน่วยงานอื่นๆ เข้าตรวจสอบวิทยาลัยดังกล่าวที่ถูกกล่าวอ้างว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชื่อนักเรียนทิพย์บุคลากรทิพย์หรือนักเรียนผีไปเบิกรายได้จากส่วนกลาง โดยรัฐบาลจ่ายให้
ทั้งนี้ยังมีเกี่ยวกับการหักค่าหัวคิวของครูด้วย ซึ่งในวิทยาลัยดังกล่าวมีครูหลายคนแต่ทำงานจริงไม่ หากพบเป็นความจริง ตนเองจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ที่อื่นๆ ทำเป็นแบบอย่าง เพื่อป้องกันมิให้ใครคนใดใช้ช่องโหว่ของกฏหมายมาแสวงหาผลประโยชน์จากจุดนี้ เป็นการผลาญงบจากหลวง หรือ ภาษีของประชาชนอีกต่อไป
ผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ รายงาน