ด่วน ผู้ปกครองพาลูกบุกวิทยาลัย ชื่อดัง โต้กลับหลักฐาน

กรณีที่ดราม่า มีกลุ่มผู้ปกครองและศิษย์เก่าวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี รวมตัวกันถือป้ายตะโกนขับไล่ ครูหนุ่มสอนวิชาพละ พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนต่อวิทยาลัย ขอให้ตั้งกรรมการสอบครูพละ และให้ย้ายออกนอกพื้นที่โดยด่วน เนื่องจาก นักเรียน ผู้ปกครอง และศิษย์เก่าวิทยาลัย ได้รับผลกระทบจากการกระทำของครูคนดังกล่าว กลั่นแกล้งนักเรียน กล่าวหานักเรียนในเรื่องยาเสพติด ใช้วาจาพูดจากดดัน จนนักเรียนเกิดการกลัว เรียนไม่จบ ต้องย้ายไปเรียนที่อื่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ครูพละได้นำหลักฐานคลิปต่างๆ ไปชี้แจงผ่านสื่อทีวีแห่งหนึ่ง ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งนักศึกษา โดยมีคลิปหลักฐานนักศึกษามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 68 มีนายศุภชัย (สงวนนามสกุล) นักการเมืองท้องถิ่น นำลูกชาย กับเพื่อนลูกชาย วัย 21 ปี นักศึกษา และครูอีกคนหนึ่ง ที่ปรากฏในคลิปหลักฐานที่ครูพละ เดินทางเข้ามาชี้แจงกรณีคลิปดังกล่าว ที่วิทยาลัย ขณะเดียวกันทางวิทยาลัย ได้ออกหนังสือสั่งการให้ครูและบุคลลากรทางการศึกษาทุกท่าน งดการให้ข่าวกับบุคลภายนอกในทุกกรณี เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับวิทยาลัย ลงวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา จนต่อมา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกหนังสือสั่งการวันที่ 19 มีนาคม 2568 ให้ คณะกรรมการสถานศึกษาดำเนินการประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเรื่องนี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็น ชี้แจงรายละเอียด และลงมติข้อเท็จจริง ตามข้อร้องเรียนดังกล่าว ให้จัดส่งรายงานการประชุม ภายใน 30 วัน

โดยทั้ง 3 ชี้แจงกรณีคลิปดังกล่าว ว่า ไม่เป็นความจริง ในคลิปนั้น คือครูและนักเรียน กำลังทานเนื้อหมูย่างกันอยู่ที่บ้านผู้ปกครองนักเรียน และที่อ้างว่ามีเขียงหันยาเสพติดนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นเขียงหันหมูย่างกินกัน ประกอบกับคลิปนี้ ทางพวกตนก็เป็นคนโพสต์ลงเฟซบุ๊กตัวเอง แต่ครูพละกลับมาดึงเอาไปโดยไม่ได้ขออนุญาต ก่อนนำคลิปไปร้องเรียนต่างๆ ขณะนี้เรื่องนี้ทางต้นสังกัดตั้งคณะกรรมสอบอยู่ หลังจากนี้จะดำเนินการกับผู้นำคลิปไปให้สื่อออกข่าวจนเสียหายต่อไป

ครูอีกรายกล่าวว่า จากรายงานที่พบ พบว่าครูพละรายนี้มีพฤติกรรมตั้งแต่ปี 2565 ทุกๆ เช้าทางวิทยาลัยจะมีกิจกรรมเคารพธงชาติ จากรายงาน ไม่พบครูท่านนี้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 70% และกิจกรรมวันเฉลิมพระเกียรติที่วิทยาลัยจัดตลอดปีการศึกษา พบว่าครูท่านนี้ไม่เข้าร่วมกิจกรรมเหมือนกับครูและบุคลากรทางการศึกษาคนอื่นๆ ซึ่งมีรายงานยืนยัน

นักเรียนที่ปรากฏในคลิป เล่าว่า เกิดเหตุเป็นวันเลี้ยงสังสรรค์กัน โดยมีตนและเพื่อนอีก 4 คน และครู นั่งด้วยกัน ได้นั่งกินนั่งเล่นกันตามปกติ ไม่มีการมั่วสุมยาเสพติด จากนั้นได้มีครูที่นั่งอยู่ด้วยกัน โพสต์คลิปลงสตอรี่ส่วนตัว ซึ่งเป็นคลิปปกติทั่วไป ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น พอผ่านไป 1 อาทิตย์ อยู่ๆ ได้ข่าวว่า มีอาจารย์ไปมั่วสุมกับเด็ก และมีการเสพกัญชา พอมาถึงคาบเรียนของครูพละ ครูพละได้นำเอกสารอ้างกับพวกตนว่าเป็นการบ้าน ซึ่งเป็นเอกสารคล้ายๆ ให้เป็นพยาน ให้ยอมรับความผิด แต่ตนและเพื่อนรวม 4 คน ไม่ได้เขียน อะไรลงในเอกสาร ครูพละจึงบอกว่า ถ้าไม่เขียนอันนี้เป็นการบ้าน ถ้าไม่ทำไม่ต้องเรียน ตนและเพื่อนจึงไม่ทำ เพราะการบ้านเพื่อนทำไมถึงไม่ได้ทั้งห้องเหมือนกันหมด

จึงมีความรู้สึกว่าไม่เท่าเทียมกัน พอถัดมาอีก 1 อาทิตย์ พอถึงคาบของครูพละคนนี้ ครูพละบอกตนว่าไม่ต้องเรียน แยกห้องไปเลย ถ้าจะเรียนให้ไปเรียนอีกห้องหนึ่ง ถ้ายังอยากสังสรรค์หรืออยากเล่นยาอะไรแบบนี้ให้ลาออกไป คู่พละเคยอ้างว่ามีคนในโรงเรียน ห้ามนักศึกษากินเหล้าในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ถ้าจะกินหรือทำอะไรแบบนี้ ให้ลาออกจากการเป็นนักศึกษา จากนั้นให้ตนและเพื่อนรวม 4 คน แยกห้องไปเรียนออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยการไลฟ์สด นาน 4-5 อาทิตย์ โดยการเรียนผ่านโทรศัพท์ไลฟ์สด ได้ยินเสียงบ้าง ไม่ชัดบ้าง ซึ่งตนมีความรู้สึกว่า ถูกกระทำแบบไม่เท่าเทียม ค่าเทอมนักศึกษาก็จ่ายเท่ากัน ทำไมตนและเพื่อนถูกแยกห้องเรียน พอเวลาสอนก็ไม่รู้เรื่อง เพราะว่าเสียงไม่ค่อยชัด สัญญาณไม่ดี ติดบ้างไม่ติดบ้าง เสียงเพื่อนในห้องคุยเสียงดัง ฟังไม่รู้เรื่อง พอเรียนเสร็จต้องรีบไปถามเพื่อนว่าครูสอนอะไร

นายศุภชัย พ่อนักเรียน กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบเรื่องราวจากปากของลูกชาย ในส่วนของผู้ปกครองเด็ก 4 คนนี้ และคุณครูที่คบกันมาก็อยู่ในกรอบตลอด เวลาพากันเรียน ไม่เคยพากันเที่ยว เวลาจะไปไหนหรือไปบ้านใคร ผู้ปกครองจะรับรู้ตลอด เรื่องยาเสพติดตนกล้ายืนยัน ว่าไม่เป็นความจริง แต่กับคำบอกเล่าที่ลูกมาเล่าให้ฟังเรื่องครูพละรายนี้ พยายามใช้ลูกตนเป็นเครื่องมือใส่ร้ายครูคนอื่น ครูกับครูอาจจะไม่พอใจกันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่กลับมาใช้ลูกและหลานผม เพื่อให้ยอมรับผิด เพื่อให้เป็นเอกสารหลักฐานให้ครูที่ไม่ชอบหน้า มีความผิดโดยแท้จริง

อันนี้ยอมรับไม่ได้ และในส่วนที่ให้เด็กนักเรียนออกไปเรียนนอกห้องเรียน ไม่ยอมสอน ได้ยินคำบอกเล่าว่า พวกเธอเก่งมาก ครูไม่มีอะไรจะสอนแล้ว ถ้าเธอจะเรียนให้ขึ้นไปเรียนอีกห้องหนึ่งที่ชั้น 2 สอนโดยตรงไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรจะสอนแล้ว อันนี้ถือว่าร้ายแรงนะครับ เพราะว่าสิทธิของนักเรียนทุกคน จะต้องได้เรียนในห้อง ไม่ใช่เรียนนอกห้อง กรณีอย่างนี้ ผู้ปกครองก็รับไม่ได้ และกรณีนี้ต้องรอ การสอบสวนต่อไป” ผู้ปกครองกล่าว

Leave a Comment