นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และ พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต มอบหมายให้ พ.ต.ต.จักรกฤษณ์ ประจันพล ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการด้านการคุ้มครองพยาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ประสานความร่วมมือกับตำรวจ บก.สส.ภ.7 นำโดย พ.ต.ท.ทศพร รุ่งเรืองศุภรัตน์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.7 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ที่ จ.2/2568 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2568 ในความผิดฐาน ฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิด (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172)
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 ครั้งผู้ต้องหาตามหมายจับดำรงตำแหน่ง พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้มีพฤติการณ์บันทึกข้อมูลการทำงานล่วงเวลาของตนเองอันเป็นเท็จลงในแบบแสดงข้อมูลค่าล่วงเวลาเพื่ออนุมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDMS) ทำให้ได้ไปซึ่งเงินค่าล่วงเวลาทั้งที่ตนมิได้ปฏิบัติงานล่วงเวลา เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติชี้มูลความผิด แต่ผู้ต้องหาไม่ไปพบพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลตามกำหนดนัด พนักงาน ป.ป.ท. จึงออกหมายจับผู้ต้องหาเพื่อนำผู้ต้องหาฟ้องคดีต่อศาล
ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปกลบดานอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านอำเภอเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. จึงประสานข้อมูลกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.7 และเข้าทำการจับกุมในวันนี้ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป