สะพัด จีนเทา กำเงินสดกว้านซื้อที่ดินตั้งโรงงาน

วันที่ 15 มีนาคม 2568 รายงานความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อกวางทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ได้มีการเข้าชื่อประมาณ 400 คนร้องเรียน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เกี่ยวกับกรณีที่มีนายทุนจีนเข้ามากว้านซื้อที่ดินในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อกวางทอง ประมาณ 100 ไร่ พร้อมทั้งมีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ โดยไม่ผ่านประชาพิจารณ์หรือประชาคมในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านเกรงกลัวว่าโรงงานดังกล่าวจะเป็นโรงงานก่อสารมลพิษและสร้างมลภาวะ ก่อความความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงงาน

นอกจากนี้ทางด้าน นายนันทวัฒน์ ทองช่วง นายอำเภอบ่อทอง และนายภูเบศ พงษ์ชมพร นายกเทศมนตรีตำบลบ่อกวางทอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมทั้งมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว ต่อมานายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือเสธ.หิ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะทำงาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และอยู่ในระหว่างเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ก่อนที่จะสรุปสำนวนเพื่อดำเนินการต่อไป

เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้สั่งการให้ นายนันทวัฒน์ ทองช่วง นายอำเภอบ่อทอง เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว พร้อมทั้งมีข้อสรุปว่า การก่อสร้างโรงงานดังกล่าวยังไม่มีการขออนุญาตจากหน่วยงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี และเทศบาลตำบลบ่อกวางทอง และการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวยังไม่มีการขออนุญาตเกี่ยวกับการประกอบการ กรณีที่โรงงานดังกล่าวได้มีการก่อสร้างในพื้นที่ และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเทศบาลตำบลบ่อกวางทอง ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.บ่อกวางทองไว้แล้ว อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกผู้ประกอบการ และอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน

ทางด้าน นายดำรงค์เดช พรงาม แกนนำชาวบ้านหมู่ 4 ต.บ่อกวางทอง กล่าวว่า จากการสังเกตการณ์ในพื้นที่ก่อสร้างโรงงานพบว่ามีการทำงานกันปกติ จะหยุดในวันอาทิตย์ โดยมีการก่อสร้างกำแพง การลงหม้อแปลงไฟฟ้า และปรับพื้นตอม่อเพื่อเทคอนกรีต ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเทศบาลตำบลบ่อกวางทอง ซึ่งได้ระงับการก่อสร้างบริเวณพื้นที่ตั้งโรงงาน ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2568

ขณะนี้ชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังเทศบาลตำบลบ่อกวางทอง เกี่ยวกับไม่มีการใช้บังคับกฎหมาย ตามมาตรา 80 เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า และให้ทางเทศบาลชี้แจงข้อเท็จจริงให้ชาวบ้านทราบด้วย นอกจากนี้อยากให้ทางเทศบาลดำเนินการความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เนื่องจากยังมีการก่อสร้างในพื้นที่ตั้งโรงงาน ซึ่งมีทั้งโทษปรับและโทษจำคุก

นายดำรงค์เดชกล่าวอีกว่า ยอมรับว่าทั้งหน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะนี้ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้ทางโรงงานดำเนินการก่อสร้างไปเรื่อยๆ สิ่งที่น่ากลัวในขณะนี้คือ ได้มีการปิดป้ายประกาศขายที่ดินพร้อมดำเนินการก่อสร้างโรงงาน ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ไม่รู้ว่าทำไปได้อย่างไร มองดูแล้วเหมือนกับจะมีการเคลียร์กับทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน ได้เข้ามาในพื้นที่ ต.บ่อกวางทอง และ ต.ธาตุทอง อ.บ่อทอง กันอย่างมากมาย และยังมีการก่อสร้างโรงงานกันจำนวนมาก

ขณะนี้กำลังลุ้นอยู่ว่า ภายหลังจากที่ได้ร้องเรียนไปยังนายพีระพันธุ์แล้ว หวังว่าจะได้คำตอบเกี่ยวกับการจัดการนายทุนจีนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดิน และไม่ดำเนินการตามกฎหมายกรณีที่ชาวบ้านกำลังร้องเรียน ซึ่งในขณะนี้การกว้านซื้อที่ดินของชาวจีน เพื่อตั้งโรงงานเกิดขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็ว เกรงว่าชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ่อทอง จะได้ผลกระทบจากการก่อสร้างโรงงานไม่ถูกต้องตามระเบียบที่รัฐบาลกำหนดไว้ โดยเฉพาะโรงงานใดหากไม่มีธรรมาภิบาล จะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะการปล่อยมลพิษ น้ำเสีย หากมาดำเนินการแก้ไขปัญหาภายหลัง จะทำให้ประเทศชาติเสียหายไม่น้อย นายดำรงค์เดชกล่าว

ทางด้าน นายรัฐรุจน์ ปิยะพงศ์ภัทร ที่ปรึกษาเครือข่ายป้องกันการทุจริตภาคประชาสังคม จังหวัดชลบุรีกล่าวว่า กรณีที่นายทุนจีนได้เข้ามาก่อสร้างโรงงานในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ่อกวางทอง แต่เมื่อมีคำสั่งของเทศบาลตำบลบ่อกวางทองให้ระงับการก่อสร้างในพื้นที่โรงงานดังกล่าว แต่ยังมีการฝ่าฝืนดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเป็นความผิด แต่เทศบาลไม่ยอมดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในเรื่องนี้อาจจะต้องมีการร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ขณะนี้จากการตรวจสอบในพื้นที่เทศบาลตำบลบ่อกวางทอง เทศบาลตำบลธาตุทอง อ.บ่อทอง พบว่ามีการซื้อขายที่ดินให้กับชาวต่างชาติจำนวนมากแบบผิดปกติ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นทุนจีนเสียส่วนใหญ่ ที่สำคัญมีการซื้อด้วยเงินสด บางแห่งราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท โดยไม่ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ตรวจสอบยาก ซึ่งในเรื่องนี้จะร้องเรียนศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ไม่รู้ว่ามีการฟอกเงินหรือเปล่า โดยมาซื้อที่ดินตั้งโรงงานแล้วหลอกกันเองกับนักลงทุนชาวจีน หลังจากได้เงินแล้วหลบหนีไป นายรัฐรุจน์กล่าว

Leave a Comment