วันที่ 7 มีนาคม ห้องประชุมประธานกาญจนาลัย อาคารผู้ป่วยนอกตึก 60 ปี นพ.ปริญญา นากปุณบุตร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร พญ.อังคณา อุปพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงเพชร พร้อม นพ.สมเพ็ง โชคเฉลิมวงศ์ รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบบริการและสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.กรวิชญ์ วังศิริกุล ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง พว.เพ็ญกมล กุลสุ รองผู้อำนวยการด้านพยาบาล ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณี นายภาสกร ผู้เป็นพ่อของนายโภคิน ได้นำหลักฐานร้องเรียนนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ หลังลูกชายปวดหัวรุนแรงแล้วพาไป รพ. บอกเป็นไมเกรน ให้กลับไปดูอาการที่บ้าน สุดท้ายเส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมานั้น
นพ.ปริญญา นากปุณบุตร กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายโภคิน หลังจากทราบข่าวได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบตามกระบวนการขั้นตอนแล้ว
ด้าน พญ.อังคณา อุปพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงเพชร กล่าวว่า กระบวนการขั้นตอนการรักษานั้น ตนขอสรุปสถานการณ์โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 04.24 น. ผู้ป่วย นายโภคิน อายุ 17 ปี มาตรวจที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการปวดศีรษะ ร้าวมาที่กระบอกตา คลื่นไส้ อาเจียน 2 ครั้ง ตาพร่ามัว เห็นแสงแล้วปวดมากขึ้น ไม่มีไข้ 2 ชั่วโมงก่อนมา รพ.ตรวจพบอุณหภูมิ 36.6 องศาเซลเซียส ชีพจร 52 ครั้ง/นาที หายใจ 20 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 138/77 มิลลิเมตรปรอท ตรวจร่างกายพบรูม่านตาขนาด 2 มิลลิเมตรเท่ากันทั้งสองข้าง ไม่มีแขนขาอ่อนแรง ขยับได้ปกติ ตรวจระบบประสาทและสมองไม่พบความผิดปกติ จึงวินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นปวดศีรษะไมเกรน ได้รับการรักษาโดยการฉีดยาแก้ปวดเข้าทางหลอดเลือดดำ และให้สังเกตอาการ
พญ.อังคณากล่าวว่า ระหว่างนั้นผู้ป่วยทุเลาปวดศีรษะนอนหลับพักได้ดี ต่อมาเมื่อเวลา 08.39 น.ของวันเดียวกัน พยาบาลตรวจเยี่ยมอาการ วัดสัญญาณชีพ ความดันโลหิต 130/75 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 61 ครั้ง/นาที หายใจ 20 ครั้ง/นาที ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด 99 เปอร์เซ็นต์ รู้ตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ทุเลาปวดศีรษะ จนเวลา 09.01 น. แพทย์ตรวจอาการผู้ป่วยบอกว่าแสงจ้ากระตุ้นปวดตา เบาปวดศีรษะแล้ว และเวลา 09.20 น. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจซ้ำ อัตราการเต้นหัวใจ 52 ครั้ง/นาที เวลา 09.33 น. แพทย์ตรวจเยี่ยมอาการผู้ป่วยและอนุญาตให้กลับบ้านได้ การพยาบาลตรวจเยี่ยมอาการ วัดสัญญาณชีพ ความดันโลหิต 148/77 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 51 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด 98 เปอร์เซ็นต์ พูดคุยถามตอบรู้เรื่อง น.ส.ศิริวิมล รักชาติ มารดาของนายโภคิน ได้สอบถามอาการและสาเหตุความเจ็บป่วยของบุตร พยาบาลรายงานแพทย์ แพทย์อธิบายเกี่ยวกับอาการ การวินิจฉัยและการปฏิบัติตัว และอาการผิดปกติที่ควรกลับมาพบแพทย์กับ น.ส.สิริวิมล มารดา ได้รับทราบและเข้าใจ จึงรับยาและนำผู้ป่วยกลับบ้าน
จนกระทั่งเวลา 20.07 น. ผู้ป่วยมาตรวจซ้ำด้วยเรื่องปวดศีรษะบริเวณขมับมาก กินยาแก้ปวดไม่ทุเลา ไม่มีหน้ามืดหรือใจสั่น แรกรับที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินตรวจสัญญาณชีพ อุณหภูมิร่างกาย 37.8 องศาเซลเซียส ชีพจร 60 ครั้ง/นาที หายใจ 20 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 134/88 มิลลิเมตรปรอท ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด 99 เปอร์เซ็นต์ ตรวจร่างกายพบรูม่านตาขนาด 2 มิลลิเมตรเท่ากันทั้งสองข้าง รู้สึกตัว ถามตอบช้า 21.05 น. มีอาการมือเกร็ง 2 ข้าง พยาบาลรายงานแพทย์ ฉีดยากันชักเข้าทางหลอดเลือดดำ คุณหมอได้ซักประวัติมารดาเพิ่มเติม แจ้งไม่เคยชักเกร็งมาก่อน ไม่มีไข้ ปฏิเสธการเกิดอุบัติเหตุ
ส่งเอกซเรย์สมองพบเลือดออกในสมองด้านขวา ขนาด 7.8x3x4.6 เซนติเมตร จึงได้ปรึกษาศัลยแพทย์ผ่าตัดสมอง ทำการผ่าตัดสมองทันทีด้วยระบบช่องทางด่วน เพื่อเปิดกะโหลกศีรษะนำเลือดที่คั่งในสมองออก ใช้เวลาในการผ่าตัด เวลา 23.30-01.10 น. หลังผ่าตัดย้ายผู้ป่วยเข้าห้องผู้ป่วยหนักศัลยกรรม (ICU) กระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 หลังผ่าตัดผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ ตรวจอาการทางสมอง: เรียกลืมตา ทำตามคำสั่งได้ แขน-ขาขวาขยับได้ แขน-ขาซ้ายอ่อนแรง ต่อมาเวลา 11.30 น. มีปัญหาความดันโลหิตสูงขึ้น ความดันโลหิตค่าบน 170-190 มิลลิเมตรปรอท ชีพจรเต้นเร็ว 170-180 ครั้ง/นาที รูม่านตาข้างขวา 2 มิลลิเมตร ข้างซ้าย 5 มิลลิเมตร ตอบสนองต่อแสงช้าลงทั้ง 2 ข้าง ทำการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองพบเลือดออกในสมองซ้ำบริเวณสมองด้านขวาและแกนสมอง ทำการเจาะเลือดพบ: ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง 36.9%, เม็ดเลือดขาวสูง 29,300/uL, และเกล็ดเลือดต่ำ 58,000/uL ตรวจร่างกายระบบประสาทไม่ตอบสนองต่อความเจ็บปวด แขน-ขาไม่ขยับ รูม่านตา 6 มิลลิเมตร ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้ง 2 ข้าง
ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง ผู้ทำการผ่าตัดและอายุรแพทย์ ร่วมกันพิจารณาว่าคนไข้มีปัญหาเกล็ดเลือดต่ำผิดปกติจากโรคเลือดผิดปกติ เข้าข่าย Thrombotic thrombocytopenic purpura (TTP) ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในล้านที่เกิดขึ้น ร่วมกับผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกบริเวณแกนสมอง การผ่าตัดซ้ำอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในห้องผ่าตัดมากขึ้น จึงได้ทำการรักษาโดยการให้เลือด พลาสมา เกล็ดเลือด และฉีดยาช่วยให้เลือดหยุด และรักษาต่อโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้ยากันชัก ให้ยาลดความดันในศีรษะ และให้ยาลดความดันทางหลอดเลือดดำ ปรึกษาอายุรแพทย์โลหิตวิทยา รพ.สวรรค์ประชารักษ์ อาการเข้าได้กับโรคเกล็ดเลือดผิดปกติชนิดดังกล่าว แนวทางการรักษาต้องให้ Steroid หรือยากดภูมิชนิดฉีด แต่ผู้ป่วยเริ่มมีภาวะติดเชื้อในปอดด้านขวา เริ่มมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการถูกกดภูมิต้านทานของร่างกาย จึงได้แนะนำให้ทำการรักษาภาวะติดเชื้อโดยการให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด คุยพยากรณ์โรคและทำความเข้าใจกับมารดาผู้เฝ้าลูกชายให้เข้าใจมาโดยตลอด
หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม 2568 รักษาต่อเนื่องโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้ยากันชัก ยาลดความดันในศีรษะ ยาปฏิชีวนะ ตรวจร่างกายระบบประสาท ยังเหมือนเดิม ไม่ตอบสนองต่อความเจ็บปวด แขน-ขาไม่ขยับ ทำการเจาะเลือดพบ: ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง 35.4%, เม็ดเลือดขาวสูง 29,400/uL และเกล็ดเลือดต่ำ 51,000/uL มีภาวะความดันโลหิตต่ำรุนแรง ให้การรักษาโดยยากระตุ้นความดัน 2 ชนิดร่วมกัน มีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ทำการรักษาโดยการปรับเครื่องช่วยหายใจ
บิดามีความประสงค์อยากขอไปรักษา รพ.สวรรค์ประชารักษ์ ติดต่อประสานงาน รพ.สวรรค์ประชารักษ์ อายุรแพทย์โลหิตวิทยาแนะนำว่าอาการผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงมากและมีโอกาสเสียชีวิตระหว่างการส่งต่อได้ จนกระทั่งวันที่ 5 มีนาคม เวลา 15.05 น. ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้น ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ เวลา 15.05-15.35 น. ด้วยเครื่อง Auto CPR และให้ยาตามแนวทางการช่วยฟื้นคืนชีพ ผู้ป่วยไม่มีสัญญาณชีพกลับมา และเสียชีวิตเมื่อเวลา 15.35 น.
พญ.อังคณา อุปพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรณีมีการร้องเรียนก็สามารถทำได้ แต่อยากให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และข้อเท็จจริง โรงพยาบาลเองยังยึดหลักในการทำงานการเป็นโรงพยาบาลคุณภาพ บริการทันสมัย เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ซึ่งตรงนี้ได้มีการตรวจสอบการทำงานของแพทย์ทุกคน ยังยึดหลักในมาตรการและวิชาชีพ และโดยเฉพาะการให้บริการประชาชนที่มาใช้บริการ
ด้าน น.ส.ศิริวิมล คุณแม่ของน้องโภคินที่เสียชีวิต ได้ตอบคำถามทางโทรศัพท์ต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นผู้ที่ดูแลบุตรชาย ตลอดระยะเวลาที่นำน้องเข้ารักษาตัว ตั้งแต่วันแรกได้รับการดูแลจากคณะแพทย์พยาบาลพร้อมกับแจ้งสถานการณ์ให้ความเข้าใจมาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ในขณะที่อยู่ห้องฉุกเฉิน ทางพยาบาลและแพทย์ได้มีปฏิสัมพันธ์ ทำความเข้าใจอธิบายมาอย่างต่อเนื่อง แม้วันที่นำน้องกลับบ้านและเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล จนกระทั่งนำย้อนกลับมาอีกครั้งในค่ำของวันเดียวกัน ทั้งในช่วงระยะเวลาของการทำผ่าตัด ทางคุณหมอเองก็ได้ให้ความดูแลเอาใจใส่ โดยเฉพาะคุณหมอที่ลงมือผ่าตัดเองก็ยอมรับว่าเป็นหมอที่มีฝีมือ มีประสบการณ์ในด้านนี้เฉพาะทางอยู่แล้ว จึงอาจจะเป็นบุญของลูกเราที่มีเพียงเท่านี้ จึงไม่ติดใจในกรณีลูกตนเองเสียชีวิตแต่อย่างใด ส่วนกรณีอดีตสามีของตนเองไปร้องเรียนทนายดังกล่าว ตนเองไม่ขอพูดถึงดีกว่า