สอบปากคำ 93 ผู้ต้องหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พฤติการณ์เชื่อมโยง 46 คดี ที่มีผู้เสียหายแจ้งความในไทย

วันนี้ ( 4 มี.ค. 68) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เผยถึงกรณีคุมตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาสอบปากคำ เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 23.30 น. ได้นำตัวผู้ต้องหาที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งการจับกุมตามหมายจับทั้งหมด 93 คน จากหมายจับทั้งหมด 102 หมายจับ โดยเป็นหมายจับของบอสชาวจีน 2 หมาย

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. กล่าวว่า ซึ่งบอสชาวจีนได้หลบหนีไปแล้ว ส่วนใน 100 หมายจับ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ 7 คน ทำให้เหลือผู้ต้องหา 93 คน โดยขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นผู้หญิง 48 คน ส่วนผู้ชายอีก 45 คนแยกไปคุมตัวไว้ที่สภ.ปากเกร็ด สภ.เมืองนนทบุรี และสน.ทุ่งสองห้องจาก 119 คนที่ทางการกัมพูชาส่งตัวจากปอยเปตกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มีนาคมนั้น แต่ไม่ถูกออกหมายจับ 19 คน แยกเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 4 คน ซึ่งจากการสอบสวนน่าจะมี 2 คนที่เข้าข่ายความผิดการมีส่วนร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนอีก 15 คน จากพยานหลักฐานเบื้องต้นยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะถูกจับกุมอีกตึก แต่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันประเทศกัมพูชา

ซึ่งในการออกหมายจับครั้งนี้มีพยานหลักฐานหลายส่วน ทั้งข้อมูลการสืบสวนจากระบบไทยโปลิสออนไลน์ ที่มีผู้เสียหายคนไทยมาแจ้งความ 46 เคสไอดี มูลค่าความเสียหายหลาย 10 ล้านบาท และข้อมูลการสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 2 รวมถึงข้อมูลการสืบสวนของทางการประเทศกัมพูชา และข้อมูลจากการซักถามผู้ต้องหาในเบื้องต้น ซึ่งบางรายให้ความร่วมมือสมัครใจที่จะให้การอย่างเป็นประโยชน์ และทั้งหมดพบว่าเป็นพนักงานระดับล่างในจำนวนนี้มีล่ามอยู่หนึ่งคน

สอบปากคำ 93 ผู้ต้องหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พฤติการณ์เชื่อมโยง 46 คดี ที่มีผู้เสียหายแจ้งความในไทย

สอบปากคำ 93 ผู้ต้องหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พฤติการณ์เชื่อมโยง 46 คดี ที่มีผู้เสียหายแจ้งความในไทย

สอบปากคำ 93 ผู้ต้องหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พฤติการณ์เชื่อมโยง 46 คดี ที่มีผู้เสียหายแจ้งความในไทย

สอบปากคำ 93 ผู้ต้องหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พฤติการณ์เชื่อมโยง 46 คดี ที่มีผู้เสียหายแจ้งความในไทย

และจากการสอบถามเบื้องต้นพบพฤติกรรมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ต้องการไปหาทำงานที่ประเทศกัมพูชา บางคนโพสต์ในโซเชียลว่าต้องการหางานสายเทาโดยเฉพาะ และพบการเข้าออกประเทศหลายสิบครั้งต่อคน จากการซักถามเบื้องต้นพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะทำงานอยู่ภายในบริเวณที่เรียกกันว่าพลูตาสวน เป็นอาคารหลังเดียว แต่ภายในอาคารจะแบ่งเป็นห้องย่อยๆมีมากกว่า 20 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะถูกเรียกว่าออฟฟิศ และจะใช้ทำการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ โดยมีผู้ต้องหาบางรายรับสารภาพว่า จะทำงานหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง เพื่อไปหลอกเอาเงินบำนาญคนที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังมีการหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่ไฟฟ้า ว่าจะได้รับเงินคืนหรือส่วนลดค่าไฟฟ้า โดยการให้เหยื่อติดตั้งแอพพลิเคชั่นดูดเงิน หรือควบคุมโทรศัพท์ผ่านทางลิงค์ ทั้งนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น  เพราะพบว่าในวันที่เข้าไปจับกุมมีผู้ต้องหาที่หลบหนีไปจำนวนหลัก 1,000 คน มีทั้งคนไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย

เบื้องต้นจะดำเนินการแจ้งข้อหาที่ประกอบไปด้วย การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, เป็นอั้งยี่ซ่องโจร, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

Leave a Comment