จากเหตุการณ์ที่เยาวชนชาย อายุ 15 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่ผู้เป็นพ่อแท้ๆ อายุ 51 ปี ถึง 8 นัด แต่กระสุนเข้าที่ใต้รักแร้ขวาเพียงนัดเดียว อาการบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ผไทรินทร์ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุด ผู้เป็นพ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนลูกถูกส่งตัวไปที่สถานพินิจ เพื่อรอสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเบื้องต้นคาดว่า ผู้เป็นพ่อน่าจะรับจำนำมา
จากการให้ปากคำของลูกชาย เล่าว่า เกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกายด้วยการตบ ต่อย และเตะ มาตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.2 มาจนถึงปัจจุบันที่เรียนอยู่ ม.4 กว่า 8 ปีที่ผ่านมา ถูกพ่อทำร้ายมาโดยตลอด โดยไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ ก่อนเกิดเหตุ พ่อได้ทำร้ายร่างกายตนเองต่อหน้าแม่ ตนจึงขึ้นไปนำปืนของพ่อที่อยู่บนบ้านมาบรรจุกระสุนตามที่ได้ดูจากยูทูบ จากนั้น ก็ลงมาแล้วยิงออกไปตามความรู้สึก โดยไม่รู้ว่าถูกพ่อกี่นัด ยิงจนหมดแม็ก
ทางด้าน ยายของเด็ก เล่าว่า ตนกับหลานอยู่คนละบ้าน แต่ไม่ห่างกัน ลูกสาวของตนกับลูกเขย มีอาชีพรับเหมาถมดิน และมีลูกด้วยกัน 4 คน โดยหลานที่ก่อเหตุเป็นลูกชายคนโต ที่ผ่านมา ลูกเขยทำร้ายหลานเป็นประจำตั้งแต่ยังเล็ก ตนกับลูกสาวพยายามห้ามอยู่เสมอ แต่ลูกเขยก็ไม่สนใจ และยังคงทำร้ายลูกโดยไม่มีเหตุผล หลานได้รับบาดเจ็บทั้งคิ้วแตก, หัวแตก และหนักที่สุดคือ เคยถูกพ่อเตะเข้าที่ปากจนฟันโยก ทำให้กินข้าวไม่ได้เป็นอาทิตย์ อีกครั้งที่หนักคือถูกต่อยตาจนตาเกือบจะบอด
ล่าสุด เมื่อประมาณ 10 วันที่ผ่านมา หลานได้มาปรึกษาตนที่บ้านและพูดว่า หนูเกิดมาทำไม ทำไมถึงทรมานขนาดนี้ และยังถามว่า ถ้าทำคนตายจะบาปมากไหม ตนรู้ทันทีว่าหลานหมายถึงใคร จึงได้ห้ามปรามว่าไม่ดี เพราะเขาเป็นพ่อ เป็นคนหาเลี้ยงเรามา แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ยอมรับว่าสงสารหลานมาก ลูกๆ ทั้ง 4 คน พ่อเลือกที่จะทำร้ายแค่ลูกชายคนโตเพียงคนเดียว
เบื้องต้น ทาง พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี ผกก.สภ.ลำปลายมาศ กล่าวว่า อาวุธปืนที่พบเป็นปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิกเซาเออร์ P 320 SP สีดำ ซึ่งจะต้องสืบสวนก่อนว่าเป็นปืนของใคร ส่วนทางด้านคดี ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหา เนื่องจากต้องประสานกับอัยการและสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำ เพราะผู้ก่อเหตุยังเป็นเยาวชน
