ตม.1 รวบหนุ่มแดนมังกรตุ๋นเงินลงทุนธุรกิจสุรา เหมาไถ 12 ล้าน หนีซุกไทย

จากกรณีที่ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง และชาวต่างชาติที่มีลักษณะเป็นอาชญากร หรือเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่อง

ตม.1 รวบหนุ่มแดนมังกรตุ๋นเงินลงทุนธุรกิจสุรา เหมาไถ 12 ล้าน หนีซุกไทย

โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์  ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รองผู้บังคับการฯ รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รองผู้กำกับการสืบสวนฯ พร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ และ พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 เรียกประชุมชุดสืบสวนในการลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว หลังได้รับข้อมูลจากพลเมืองดีว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 ราย มีพฤติกรรมหลบๆซ่อนๆ เชื่อว่าน่าจะลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หรือกระทำความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน

หลังได้รับสั่งการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สังกัด บก.ตม.1  ชุดสืบสวน ได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวในพื้นที่ซึ่งได้รับข้อมูลจากสายลับว่าบุคคลต่างด้าวที่เป็นเป้าหมายพักอาศัยอยู่ ซึ่งมีลักษณะเป็นคอนโดหรูตั้งอยู่ใกล้กับย่านทองหล่อ กรุงเทพมหานคร โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังกันสังเกตการณ์เนื่องจากชุดสืบสวนเชื่อว่า บุคคลต่างด้าวเป้าหมายจะลงมารับอาหาร เนื่องจากไม่ต้องการเดินทางออกไปนอกคอนโดมิเนียม เพื่อหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวต่อสาธารณะ จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ได้พบบุคคลต่างด้าวลักษณะคล้ายคนจีนเพศชาย 2 คน เดินลงมาบริเวณล็อบบี้คอนโดมิเนียม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงบัตรประจำตัวให้ดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทางของผู้ถูกจับ ผู้ถูกจับรายแรกแสดงหนังสือเดินทาง ชื่อเซียว อายุ 30 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้อง แต่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้วประมาณ 2 เดือน ส่วนอีกรายแจ้งว่าชื่อนายหลิว อายุ 29 ปี สัญชาติจีน แต่ไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางได้ ตรวจสอบลายนิ้วมือของผู้ถูกจับในระบบสารสนเทศของ สตม. เบื้องต้น ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเซียวว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” ส่วนนายหลิวนั้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบ และได้เชิญตัวผู้ถูกจับทั้ง 2 รายมาที่ กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อทำบันทึกจับกุมและนำตัวผู้ถูกจับส่ง พงส. กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการทำบันทึกจับกุม นายหลิว หนึ่งในผู้ถูกจับ มีพฤติกรรมกระวนกระวายอย่างมาก พยายามแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนมีหนังสือเดินทางแต่ได้ทำหายไป และให้การกลับไปกลับมา เจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยจึงได้ประสานข้อมูลกับองค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ จนได้ข้อมูลยืนยันว่าบุคคลต่างด้าวรายดังกล่าว คือ นายต้า หลิว บุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ที่ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2566 ได้ก่อคดีฉ้อโกงเงิน โดยการหลอกระดมทุนจากผู้เสียหายหลายราย โดยอ้างว่าตนได้ร่วมธุรกิจกับบริษัทจำหน่ายสุราชื่อดังของประเทศจีน ผู้เสียหายเห็นว่านายต้าหลิว ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสุราอยู่ก่อนแล้ว หลงเชื่อโอนเงินลงทุนให้กับนายต้าหลิวเป็นจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 2.5 ล้านหยวน หรือกว่า 12 ล้านบาท ก่อนจะหลบหนีจากที่พักในมณฑลกุ้ยโจว นั่งรถมามณฑลยูนนาน ก่อนจะลักลอบเข้ามาในประเทศลาวและไทยตามลำดับ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ หลังจากได้ข้อมูลภาพถ่ายเพิ่มเติมแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ระบบตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ไบโอเมตริกซ์ ตรวจเปรียบเทียบ ผลการตรวจสอบพบเป็นบุคคลเดียวกันจริง ซึ่ง สตม.จะได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อนำตัวนายต้า หลิว ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง และระบบไบโอเมตริกซ์ เป็นเครื่องมือช่วยเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน รวมไปถึงเบาะแสสำคัญจากพี่น้องประชาชน จนนำไปสู่ความสัมฤทธิ์ผลในการจับกุมคนร้ายข้ามชาติรายสำคัญที่หลบหนีคดี และใช้ประเทศไทยเป็นที่ซ่อนตัว และขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าวว่า การแจ้งที่พักอาศัยต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกรณีคนต่างด้าวเข้ามาพักอาศัย เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองดูแลเคหสถาน รวมไปถึงผู้จัดการโรงแรม จะต้องตระหนักและให้ความสำคัญ นอกจากนี้หากพี่น้องประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่สายด่วนหมายเลข 1178 ตลอด 24 ชม.

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

Leave a Comment