ด่วน ศาลพิพากษาจำคุก เนตร นาคสุข 3 ปี ชัยณรงค์ โดน 2 ปี ที่เหลือยกฟ้อง คดี บอส อยู่วิทยา ซิ่งรถสปอร์ต ชน ตร.สน.ทองหล่อดับเมื่อก.ย.55
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 22 เม.ย.2568 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กับพวกรวม 8 คน เดินทางมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ย่านตลิ่งชัน กทม.
โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อท 131/2567 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 200, 83, 86 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172, 192
กรณีที่จำเลยทั้งหมดร่วมกันกระทำผิดเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยาน ความเร็วรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิดหรือรับโทษน้อยลง จากที่นายวรยุทธ ขับรถสปอร์ตหรู เฉี่ยวชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555
สำหรับจำเลย 8 คนในคดี ประกอบด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร., พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ, นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตพนักงานอัยการอาวุโส, นายธนิต บัวเขียว, นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ และ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ต่อมาศาลออกบังลังก์อ่านคำพิพากษา โดยพิพากษาจำคุกนายเนตร นาคสุข 3 ปี และนายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม 3 ปี
โดยศาลให้เหตุผลว่า นายชัยณรงค์เข้าไปอวดอ้างตน และกล่าวอ้างสถานะของตนเองให้รู้บทบาท ให้คนอื่นรู้ว่าตนเองเป็นอัยการ และใช้ตำแหน่งแทรกแซงไม่ให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่อย่างอิสระ เป็นการกระทำความผิดส่วนตัว
ในส่วนของนายเนตร ศาลเห็นว่า นายเนตรใช้อำนาจสั่งฟ้องคดีนายวรยุทธโดยมิชอบ มีเจตนาช่วยเหลือให้รับโทษน้อยลง จากการรับฟังพยาน 2 ปาก ที่เพิ่งมาให้การ หลังจากที่เหตุเกิดมานานแล้ว ทำให้คำให้การของพยานปากนี้ไม่น่าเชื่อถือ แต่นายเนตรใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ และไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นอัยการระดับสูง ควรที่จะใช้ดุลพินิจโดยรอบคอบ
อีกทั้งศาลเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยคดีโดยไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทั้งๆ ที่ควรนำตัวนายวรยุทธ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำให้องค์กรอัยการเสียหาย โดยทั้งคู่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามทุจริต 2561 มาตรา 172
ส่วนจำเลยรายอื่นให้ยกฟ้อง แต่ให้ออกหมายขังจำเลยรายอื่นไว้ด้วย