ร่วมกันตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และ กรุงเทพมหานคร ดังนี้
1. อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จำนวน 3 หลัง
2. บ้านพักภายในหมู่บ้านย่าน รามอินทรา 65 กทม. จำนวน 1 หลัง
ตรวจยึด
1. อุปกรณ์ขุดสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 63 เครื่อง
2. ชุดควบคุมอุปกรณ์ขุดสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 3 เครื่อง
3. แผงวงจรไฟฟ้า จำนวน 3 เครื่อง
4. เราท์เตอร์ TP Link จำนวน 3 เครื่อง
5. อุปกรณ์กระจายสัญญาณ HUB จำนวน 3 เครื่อง
6. มิเตอร์ไฟฟ้าดัดแปลง จำวน 3 เครื่อง
7. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง
8. โทรศัพท์มือถือ IPHONE 14 PROMAX จำนวน 1 เครื่อง
9. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง
10. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม
พฤติการณ์ ในปัจจุบัน คริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก โดยเฉพาะสกุลเงินบิทคอยน์ ซึ่งถือเป็นเหรียญดิจิทัลที่ได้รับความนิยมและมีมูลค่าทางตลาดสูงสุด การได้มาซึ่งบิทคอยน์สามารถทำได้ทั้งการซื้อผ่านตลาดแลกเปลี่ยนออนไลน์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล หรือผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การขุดบิทคอยน์ ซึ่งใช้เครื่องขุดที่ติดตั้งชิปพิเศษ (ASIC) ในการประมวลผลสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อสร้างเหรียญใหม่ อย่างไรก็ตาม การขุดบิทคอยน์ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ทำให้มีบางกลุ่มบุคคลหาวิธีลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มผลกำไร ส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานของประเทศ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับการลักลอบใช้ไฟฟ้าตามสถานที่ต่างๆ หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่คลอง 6 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ว่ามีบ้านร้างหลายหลังถูกใช้เป็นแหล่งขุดเหมืองบิทคอยน์เถื่อน โดยพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้ามาดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าและมิเตอร์ไฟฟ้า เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบอาคารพาณิชย์ 3 หลังที่มีลักษณะดัดแปลงระบบไฟฟ้าเพื่อขุดบิทคอยน์ จึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม
จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดบิทคอยน์ มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานเป็นระบบ นอกจากนี้ การตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบว่ามีบุคคลที่น่าเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าวอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งย่านรามอินทรา 65 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายทั้ง 3 หลัง และบ้านพักของบุคคลที่คาดว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ พบว่าแต่ละอาคารถูกดัดแปลงเป็นสถานที่ขุดบิทคอยน์ มีการติดตั้งเครื่องขุดจำนวนมาก
พร้อมระบบระบายความร้อนและอุปกรณ์ควบคุมที่สามารถจัดการเหมืองจากระยะไกล รวมถึงมีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อต่อไฟตรงจากหม้อแปลง ซึ่งจากการตรวจค้นพบเครื่องขุดบิทคอยน์รวมกว่า 63 เครื่อง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขุดเหมือง รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบว่าเกิดไฟฟ้าขัดข้องและมีควันลอยขึ้นจากอุปกรณ์ที่ต่อไฟตรง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการลักลอบใช้ไฟฟ้าในลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ จากการตรวจสอบพบว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการไฟฟ้าจากบ้านทั้ง 3 หลัง อยู่ที่กว่า 11 ล้านบาท
จากการตรวจค้นบ้านพักของบุคคลที่คาดว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ พบว่าบุคคลดังกล่าวจบวิศวกรไฟฟ้า ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์ควบคุมเหมืองขุดบิทคอยน์แบบออนไลน์ โดยให้การยอมรับว่าตนเองมีหน้าที่ดูแลระบบทั้งหมด ทั้งการหาสถานที่ตั้งเหมือง การนำเข้าเครื่องขุด การติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงการตั้งค่าระบบการขุดแบบออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลาง และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ การลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดเหมืองบิทคอยน์นับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นการใช้ทรัพยากรโดยผิดกฎหมาย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมาก อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรและอัคคีภัยที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดลักษณะนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า การลักลอบใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเพื่อกระทำความผิดหรือใช้ในกิจการใดๆ ก็ตาม เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหา ลักทรัพย์ โดยผู้กระทำความผิดอาจต้องรับโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้การขุดเหมืองบิทคอยน์เพื่อนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็นปกติธุระ อาจเข้าข่ายความผิดในข้อหา ฟอกเงิน ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของขบวนการที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องการลักลอบใช้ไฟฟ้าไม่เพียงแต่ผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยัง ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยการดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าหรือมิเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เสี่ยงต่อการเกิด อัคคีภัย ซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะเจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ให้ช่วยสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบ สถานที่ต้องสงสัย หรือ มีการใช้ไฟฟ้าในลักษณะที่ผิดปกติ ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายและช่วยรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะเดินหน้าขยายผลการสืบสวนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อปราบปรามและป้องกันการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน