เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 จากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Jin Apina ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปลงในสื่อโซเชียล โดยมีข้อความว่า ช่วยแชร์หน่อยนะคะ ทางบ้านเดือดร้อนมากค่ะในอำเภอพระพุทธบาท หลังโรงพยาบาลทางบ้านกำลังเริ่มก่อสร้างบ้าน แต่เราสร้างในพื้นที่ของเรานะคะเจ้าของที่ข้างหลังบ้านมากล่าวหาว่าพื้นที่บ้านเราเลยไปที่ของเขา เขามาขู่ว่าให้เราไปเซ็นสัญญาอะไรสักอย่าง ซึ่งเราไม่ยอมค่ะ ทางเราให้เขาไปขอรางวัดมาวัดให้จบ ๆ ไป แต่เขาไม่จบค่ะ มากลั่นแกล้ง!!
ครั้งที่1 โดยนำไม้มากระแทกกระจกให้แตก และได้ทำร้ายร่างกายตัวพี่ที่ขึ้นไปถ่ายคลิปด้วยค่ะ มีคลิปหลักฐาน!! ครั้งที่ 2 ได้ปาก้อนหินขึ้นหลังคาทำให้ตอนนี้หลังคาเป็นรูเลยค่ะ ตามภาพด้านล่าง!! ครั้งที่ 3 ล่าสุด นำฤงปัสสาวะมาปาใส่ในบ้าน!! ตอนนี้ยังไม่สลดค่ะ ไปแจ้งความมา 3 รอบแล้ว ตำรวจยังทำอะไรไม่ได้ยิ่งได้ใจใหญ่เลย ตอนนี้ทางบ้านมีผู้หญิงอยู่แค่ 2 คน แล้วสูงอายุทั้งนั้นเลย ฝากช่วยแชร์ถึงผู้ใหญ่หน่อยนะคะ รีบเข้ามาจัดการให้หน่อยค่ะ ดูเขาไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้นเลย ตอนนี้คนที่บ้านอยู่อย่างหวาดกลัวมากค่ะ
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 17/4 ซ.11 หลัง รพ.พระพุทธบาท ม.12 ต.ธารเกษม อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งเป็นบ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยได้พบกับนางนาฎยา พร้อมเชื้อแก้ว อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน พบว่า บ้านหลังดังกล่าวกำลังมีการซ่อมแซม ปลูกสร้างทับบ้านหลังเก่า เนื่องจากว่า บ้านหลังเก่าถูกปลวกกัดกินจนพุพัง ซึ่งตนเองอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ มานานกว่า 40 ปีแล้ว ซึ่งพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่เป็นมรดกของแม่ตน และโฉนดที่ดินก็เป็นชื่อแม่ตนเอง
ซึ่งผู้มาก่อเหตุทำร้ายตนเอง และขว้างก้อนหินใส่หลังคาจนทะลุ พร้อมทั้งขว้างปัสสาวะที่ใส่ถุงเข้ามาในบ้านตน 5 ถุงซึ่งส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้าน นั้นเพิ่งมาอาศัยอยู่ได้ประมาณ 7 – 8 ปี ซึ่งผู้ก่อเหตุชื่อนายศิวกร ด่านชัยมงคล (ภู่) อายุ 55 ปี ซึ่งมีอุปนิสัยเป็นคนขี้โมโหง่าย และเคยมีเรื่องกับทางบ้านของตนเองอยู่บ่อย ๆ ซึ่งดูลักษณะของเขาแล้วที่มาก่อเหตุ ตนเองคิดว่าเขาน่าจะแหย่ตนให้เข้าไปในที่ของเขา ทางตนเองต้องคอยพยายามห้ามหลานไม่ให้เข้าไป ซึ่งปกตินายภู่ จะคอยมาหาเรื่องอยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าคุยดีๆกับเขา ๆ ก็จะไม่เข้ามา
ส่วนสาเหตุที่ตนเองขัดใจกับนายภู่ เกิดจากว่าตนเองไม่ยอมที่จะไปเซ็นต์หนังสื่อที่ที่ดินให้กับเขา เพื่อที่จะยินยอมในเรื่องที่ดินที่ลุกล้ำ โดยตนเองบอกให้นายภู่ไปที่ที่ดินและนำรังวัดมาดูว่าตนเองลุกล้ำไปหรือไม่ ทุกวันนี้ตนเองอยู่ด้วยความยากลำบาก จะถูกนายภู่ กลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา โดยตนเองได้เข้าไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.พระพุทธบาท ถึง 3 ครั้งโดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สินครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.พ.นายภู่ได้ขว้างก้อนหินใส่หลังคาบ้านจนแตกเป็นรูโหว่ เอาไม้เข้ามากระแทกจนกระจกแตกกระจายเกลื่อนพื้นบ้าน และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายภู่ได้ขว้างถุงปัสสาวะเข้ามาในบ้านส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวน
แต่ที่แจ้งความไว้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ได้แต่เพียงบอกว่า ให้ตนเองรองผลการรับรองของแพทย์ ซึ่งทางตนเองก็มีคลิปที่ทำลายข้าวของให้ดูทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงอยากวอนสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ตนเองด้วย และอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยไปบอกเขาไม่ให้มาก่อกวนตนเอง ตอนนี้ตนเองอยู่คนเดียวภายในบ้านกลัวว่า นายภู่จะเข้ามาทำร้ายร่างกาย ทุกวันนี้อยู่ด้วยความหวาดผวา
ทางด้านนางอ้อ เพื่อนบ้าน เล่าว่า โดยปกติแล้วนายภู่ เป็นคนมีมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ บางครั้งก็ดีบางครั้งก็ร้าย แล้วแต่อารมณ์ ส่วนในเรื่องที่ดินนั้น นายภู่ก็จะบอกว่าบ้านของตนเองก็ลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเขาอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ที่ดินของตนเองอยู่มานานแล้ว และเป็นมรดกของแม่ตนเอง ส่วนที่ของนายภู่นั้นได้มาซื้อไว้ทีหลังบ้านของตนเอง
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายภู่ ซึ่งได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทาวเฮาส์ หลังสุดท้ายซึ่งมีพื้นที่ที่ติดอยู่กับที่ของนายภู่ เป็นพื้นที่ที่เป็นแนวยาวบนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ มีหมาที่นายภู่เก็บมาเลี้ยงไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งนายภู่ได้บอกว่า นั่งรอผู้สื่อข่าวอยู่ว่าจะเข้ามาหาตนไหม จากนั้น ได้เดินไปหยิบเอกสาร ภาพถ่าย พร้อมโฉนดที่ดินภายในรถมาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยนายภู่บอกว่าบ้านที่ปลูกอยู่แทบทุกบ้านที่ลุกล้ำเข้าไปในที่ของตนเอง
ส่วนบ้านที่ตนเองมีปัญหาด้วยนั้ นแต่ก่อนก็สร้างบ่อเกรอะไว้ในที่ของตนเอง และเมื่อตนเองบอกลื้อออก ก็อ้างว่าที่บ้านถมปูนไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องที่มีปัญหากันนั้น นายภู่กล่าวว่า เนื่องจากว่าทางผู้ที่สร้างบ้านนั้นไม่ยอมหยุดสร้าง ตนเองจึงหาวิธีที่จะให้เขาหยุดสร้าง โดยการทำลายข้าวของ และได้ขว้างปัสสาวะเข้าไป เพื่อเป็นการให้เขานั้นหยุดการสร้างบ้านก่อนและมาพูดคุยกัน ว่าไอ้ที่ล้ำไปนั้นให้อยู่ชั่วคราวไม่ให้ยึดเป็นเจ้าของ แต่ตอนนี้ตนเองไม่ต้องการแล้ว ต้องให้ทางเจ้าของบ้านลื้อกลับเข้าไปอยู่ในที่ของตนเอง ซึ่งทางตนเองก็ได้ไปแจ้งความไว้แล้วว่ามีการลุกล้ำเข้ามาในที่ของตนเอง ส่วนพื้นที่ตรงนี้ตนเองได้ซื้อต่อทางญาติของตนเองไว้ในราคาที่ถูก ซึ่งมีพื้นที่ติดกับแนวรั้วของชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระบุรี รายงาน
