วันนี้ (วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568) ณ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการกองคดียาเสพติด นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 1 พลเรือโท วีรุดม ม่วงจีน รองเสนาธิการทหารเรือ (สายงานข่าว) ร่วมกันแถลงข่าว “DSI สนธิกำลังกองทัพเรือ – ป.ป.ส. ทลายเครือข่ายยานรก ยึดยาไอซ์ 2.4 ตัน มูลค่าในต่างประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมส่งออก”
ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามยาเสพติด ภายใต้มาตรการ Seal Stop Safe โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้บูรณาการร่วมกับ กองทัพเรือ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมผู้ต้องหาทลายเครือข่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) สามารถจับกุมได้พร้อมของกลางเป็น “ไอซ์” จำนวน 2,399 กิโลกรัม ขณะที่กำลังลำเลียงโดยเรือท่องเที่ยว มีจุดมุ่งหมายใช้น่านน้ำไทยในการส่งออกไปยังต่างประเทศโดยมีมูลค่าในต่างประเทศประมาณกว่า 3,000,000,000 บาท บริเวณ “ปากน้ำประแส” ตำบลปากน้ำกระแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กองคดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ได้รับแจ้งข้อมูลการข่าวว่า กลุ่มบุคคลผู้รับจ้างเดินเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดผิดกฎหมายจากบริเวณปากน้ำประแส ตำบลปากน้ำกระแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ไปยังพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อลำเลียงส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 (วันเกิดเหตุ) เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ โดยใช้เรือยางตรวจการณ์ จำนวน 4 ลำ ทำการตรวจการณ์เฝ้าระวังเรือต้องสงสัยที่อ่าวไทยบริเวณปากน้ำประแส ห่างจากชายฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล พบเรือยนต์ต้องสงสัยเป็นเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส ตามที่แหล่งข่าวได้แจ้งไว้ ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ข้างเรือดังกล่าวปรากฏข้อความอักษรภาษาอังกฤษว่า“PAIKANCATAMARANS” โดยพบบุคคลเพศชายอยู่บริเวณพื้นที่ลำเรือ จำนวน 8 คน ต่อมาเมื่อบุคคลบนเรือดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็มีพฤติการณ์ต้องสงสัยคือเร่งความเร็วเรือหนีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบุคคลบนเรือมีท่าทางแตกตื่น ท่าทางตระเตรียมจะโยนสิ่งของเป็นกระสอบคล้ายกระสอบบรรจุยาเสพติดบริเวณลำเรือโยนทิ้งทะเล และบางคนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเชื่อว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมียาเสพติดไว้ในความครอบครองบนเรือ จึงแสดงตัวส่งสัญญาณเสียงทางวาจาว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ โดยชุดปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (ชปพ.นสร.) โดยใช้อำนาจเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐเข้าทำการตรวจค้น ด้วยการใช้เรือยางเข้าประชิดด้านข้างและขอขึ้นทำการตรวจค้นบริเวณลำเรือ จากการตรวจค้นบนเรือ พบผู้ควบคุมเรือและลูกเรือ จำนวนรวม 8 คน และตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยในกระสอบมีลักษณะเป็นวัตถุเกล็ดสีขาวลักษณะคล้ายยาไอซ์ ที่น่าเชื่อว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ และจึงได้ทำการควบคุมตัว และตรวจยึดของกลางดังกล่าว เข้ามายังท่าเรือ จากการตรวจสอบยืนยันพบว่าวัตถุเกล็ดสีขาวลักษณะคล้ายยาไอซ์ เป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ จำนวนประมาณ 2.4 ตัน (2,399 กิโลกรัม)
ซึ่งขณะทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว เมื่อมีการยืนยันว่าเป็นยาเสพติดแล้ว จึงได้แจ้งให้ชุดปฏิบัติการอีกชุดหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 2 เจ้าหน้าที่กรมข่าวทหารเรือ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่เตรียมปฏิบัติการบนฝั่ง เพื่อให้เข้าตรวจสอบท่าเทียบเรือ “ลูกยอด” จากการตรวจค้นพบรถบรรทุกหกล้อ ลักษณะเป็นตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 50-9530 กรุงเทพมหานคร ทราบภายหลังเป็นรถที่ใช้ในการขนส่งยาเสพติดล็อตดังกล่าว และพบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีเทาดำ ทะเบียน 7 กย 3389 กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ
1. ควบคุมผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย
2. ตรวจยึดเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,399 กิโลกรัม
3. ตรวจยึดรถบรรทุกหกล้อแบบตู้ทึบ สีขาว 1 คัน
4. ตรวจยึดรถกระบะ 4 ประตู สีเทาดำ 1 คัน มาไว้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
และในส่วนเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส อยู่ในความควบคุมของทัพเรือภาคที่ 1
จากข้อมูลการสืบสวน และการจับกุมในครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป
การดำเนินงานครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ได้เร่งสอบสวนขยายผลต่อทันที โดยจะดำเนินการในรูปแบบคดีพิเศษ เพื่อให้สามารถติดตามผู้บงการ ตัวการสำคัญ และเครือข่ายเบื้องหลังขบวนการขนยาเสพติดระหว่างประเทศได้อย่างถึงที่สุด
“รัฐบาลของดิฉันมีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยจะสนับสนุนการบูรณาการข้อมูล การใช้เทคโนโลยีการสืบสวน และการทำงานอย่างมืออาชีพของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขุดรากถอนโคนปัญหานี้ ทั้งในระดับพื้นที่ และรื้อถอนทั้งเครือข่าย สุดท้าย ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง” นายกรัฐมนตรีฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน