ความคืบหน้ากรณีชายวัย 31 ปี ทิ้งภรรยาและลูกไปอยู่กินกับหญิงคนใหม่ จนเกิดปัญหาครอบครัวบานปลาย ล่าสุดเจ้าตัวเผยสาเหตุว่า ไม่รู้สึกมีความสุขกับครอบครัวเดิม พร้อมยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องลุกลาม ส่วนเหตุการณ์ที่พ่อของตนตบหน้านั้น บอกไม่โกรธ แค่น้อยใจที่พ่อแม่ไม่ฟังเหตุผล ชายคนดังกล่าวเปิดเผยว่า หลังออกจากบ้านภรรยา เขาย้ายไปอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี รับจ้างทั่วไป ไม่มีรายได้แน่นอน และยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ภรรยาเก่าไปแล้ว โดยไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงอยากใช้ชีวิตใหม่กับหญิงคนใหม่ซึ่งมีลูกสาววัย 8 เดือนด้วยกัน
โดยฝ่ายหญิงใหม่ให้แม่เป็นคนเลี้ยงลูกแทน เจ้าตัวเล่าว่า จุดแตกหักเกิดจากการที่ภรรยาเก่าพาแม่และพ่อมาต่อว่าให้กลับไปอยู่ด้วย และยื่นข้อเสนอให้หย่า หากไม่เลือกครอบครัวเดิม ตนจึงตัดสินใจไปตามนัดเพื่อจะหย่า แต่พ่อแม่ไม่ยอมฟังเหตุผล จึงไม่สามารถจบเรื่องได้ในวันนั้น
เขายอมรับว่าเคยมีปากเสียงกับภรรยาเก่าเรื่องงานและทรัพย์สิน แต่ปัจจุบันไม่มีรายได้เพียงพอจะจ่ายค่าเลี้ยงดูตามที่ฝ่ายหญิงเรียกร้องคือเดือนละ 30,000 บาท เพราะตอนนี้หาเงินได้เพียงวันละ 300 บาท ส่วนภาพที่พ่อตบหน้านั้น เขาบอกว่าไม่โกรธ แต่รู้สึกเสียใจที่พ่อแม่เลือกเชื่อภรรยาเก่า โดยไม่ฟังเรื่องจากฝั่งของเขา และยังเผยว่า ความสัมพันธ์กับหญิงคนใหม่เกิดจากความสบายใจ ไม่ใช่การนอกใจ หรือรักซ้อน หญิงคนใหม่เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เธอกับฝ่ายชายเคยตกลงจะไปหย่ากันแต่ไม่สำเร็จ เพราะอีกฝ่ายต้องการให้ไปหย่าที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
ซึ่งเธอก็ยอมไป แต่เมื่อถึงวันนัด ฝ่ายหญิงเก่ากลับพานักข่าวมารอทำข่าว ทำให้เธอไม่กล้าลงจากรถ เธอยังกล่าวว่า คลิปเสียงที่ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้อาจสื่อความหมายผิด โดยชี้แจงว่า ฝ่ายชายอยู่กินกับตนก่อนจะไปจดทะเบียนสมรสกับภรรยาเก่า ซึ่งจดกันในเดือนกันยายน ส่วนเธอตั้งครรภ์ในเดือนธันวาคม ห่างกัน 3 เดือน และการจดทะเบียนก็เพราะครอบครัวภรรยาเก่าเกรงว่าทรัพย์สินจะถูกยกให้กับตน
