นายยศรีสวัสดิ์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านศรีวัฒนา หมู่ 8 ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ว่ามีเรื่องราวแปลกๆ ภายในหมู่บ้าน เมื่อหนุ่มวัย 18 ปี จัดงานศพให้แม่ที่บ้าน เหมือนมีคนตายจริงๆ มีการนำโลงศพสีขาว มีผ้าขาวม้าพาดโลงศพ มีไฟประดับโลงศพ และมีคนแต่งชุดดำมาร่วมงานศพ แต่ที่แปลกใจคือ ชาวบ้านไม่รู้เลยว่ามีคนในหมู่บ้านเสียชีวิต ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากคุณครูท่านหนึ่ง โทรมาสอบถามว่าในหมู่บ้านมีงานศพไหม มีลูกศิษย์ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.6 แจ้งว่าแม่เขาเสียชีวิตที่กรุงเทพฯ นำศพมาทำพิธีที่บ้าน ทางครูเลยโทรมาสอบถามว่าผู้ใหญ่บ้านรู้เรื่องไหม ตนก็แปลกใจ เพราะไม่มีใครแจ้งตนเลย ทางครูยังบอกอีกว่า ทางคณะครูและนักเรียนได้รวบรวมเงินไปให้ที่งานศพ ก็เห็นโลงศพอยู่บนบ้าน ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านก็เลยพากันไปพิสูจน์ว่ามีงานศพจริงไหม พอไปถึงก็พบเด็กหนุ่มคนดังกล่าว ตาและยายของเด็ก ใส่ชุดดำอยู่หน้าโลงศพ ก็เลยถามว่ามีใครตายหรือ น้องเขาก็บอกว่า ไม่มีใครตาย อ้างว่าจับสลากแก้ มส. ได้เรื่องประเพณีอีสาน เลยทำเรื่องงานศพเพื่อส่งครู และต้องการถ่ายคอนเทนต์เพื่อส่งครู แต่พอโทรไปสอบถามครู ครูก็บอกว่าไม่ได้สั่งให้ทำหรือแก้ มส. แต่อย่างใด แล้วก็โยนความผิดให้เพื่อนว่าเพื่อนถ่ายรูปงานศพไปให้ครู
ตนก็ถามอีกว่า สรุปแล้วมีโลงศพไหม น้องก็บอกว่า มีอยู่ข้างบนบ้าน ตนก็เอะใจทำไมจัดงานศพไม่เอาไว้ข้างล่าง ทำไมเอาไว้บนบ้าน เขาก็บอกอีกว่ากลัวคนเห็น ตนเลยขึ้นไปพิสูจน์บนบ้าน ก็เห็นโลงศพสีขาวจริงๆ มีผ้าขาวม้าพาดโลงศพ มีกระถางธูป เทียน ไฟประดับโลงศพ เหมือนโลงศพคนตายจริงๆ ตนก็ถามยายว่าขอเปิดโลงศพได้ไหม ยายก็บอกว่า เปิดได้ไม่มีระเบิดหรอก พอเปิดออกดูแทบช็อก เพราะในโลงศพเป็นต้นกล้วยตัดเป็นท่อนๆ ห่อด้วยผ้าขาว ตนก็ถามน้องเขาซ้ำๆ ว่าทำไมทำแบบนี้ เขาบอกว่าเห็นแม่ดวงไม่ดีก็เลยจัดงานศพแก้เคล็ดให้แม่ และต้องการหาเงินไปเรียนหลังจบ ม.6 ตนก็เห็นใจน้องเขานะ หากต้องการเงินไปเรียนต่อจริงๆ แต่พอวันอาทิตย์ ช่วงตี 1-2 น้องและยายเอาโลงศพไปเผาที่ทุ่งนา แต่มีการนำภาพไปโพสต์และต่อว่าชาวบ้านว่าไม่สนใจครอบครัวเขา
โดยมีข้อความว่า
“สุดท้ายชีวิตคนเฮาก็แค่นี้ ขอบคุณที่ให้เกิดมา ไปดีถึงสุขเด้อแม่ ซุมไทบ้านกะบ่เห็นใจเฮาคักแหน่” และมีอีกข้อความว่า “การที่เราตั้งศพไว้บนบ้าน จัดงานศพไว้บนบ้าน ไม่มีการเลี้ยงอาหาร มันผิดมากเลยหรอ ผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่สูญเสียแม่ และไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะจัดงานศพแม่ ผมก็ทำแบบที่ผมไม่เสียเงินมาก เพราะว่าเงินผมก็ต้องเอาไปใช้มหาวิทยาลัยเหมือนกัน ถ้าผมใช้เงินส่วนนั้นในงานศพหมด แล้วจะให้ผมเอาเงินที่ไหนไปใช้ในมหาวิทยาลัย กำหนดเผาแม่วันจันทร์ แต่พวกคุณบอกต้องเผาในคืนนี้ ไม่งั้นชาวบ้านจะเดือดร้อน”
พอตนเห็นข้อความที่น้องเขาโพสต์ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จึงเรียกตาและยายมาคุยกัน และให้เอาโลงไปเผาคืนวันอาทิตย์เลย ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้อีก จริงๆ แล้วอยากคุยกับน้อง แต่ทราบว่าเขาไม่มาคุย ตอนนี้หนีไปบวชที่ อ.กู่แก้ว จ.อุบลราชธานี ตนและชาวบ้านมองว่า ตา ยาย และตัวน้อง ทำไม่ถูกต้อง ผิดประเพณีหมู่บ้าน ไม่มีคนตายมาทำแบบนี้ได้อย่างไร ขณะที่ชาวบ้านหลายคนบอกว่า เรื่องนี้น้องทำไม่เหมาะ ไม่มีคนตายจะทำงานศพเหมือนมีคนตายได้อย่างไร ชาวบ้านรับไม่ได้ เห็นว่าเด็กชอบเรื่องไสยศาสตร์และชอบทำตัวเป็นร่างทรงด้วย ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ก็พบมีร่องรอยเผาโลงศพจริงจนดำเป็นขี้เถ้า และมีรอยต้นกล้วยไหม้อยู่ด้วย
ด้านหญิง อายุ 74 ปี ยายของเด็กหนุ่มคนดังกล่าว เผยว่า จัดงานศพจริง แต่เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา เพราะยายและหลานชายไปทำบุญแล้วหมอทักว่า แม่ของน้องมีเคราะห์ ต้องจัดงานศพให้ แต่ไม่มีใครตายจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นอยากจะขอโทษชาวบ้านที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่ที่เราทำไปเพื่อแก้เคล็ดให้กับแม่น้องเท่านั้น โดยคุณยายพูดไปแขนก็สั่นไป บอกว่าไม่รู้แขนเป็นอะไร แขนจะสั่นแบบนี้
