เมื่อวันที่ 16 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามจังหวัดนครสวรรค์ ตรวจยึดรถบรรทุกลักลอบขนไม้หวงห้าม ทั้งสัก ทั้งประดู่ คนขับแสดงเอกสารหวังรอด แต่สุดท้ายเอกสารกำกับไม่ตรงกับไม้ในรถ ขยายผลสาวถึงโรงงานเถื่อน อ.แม่สอด จ.ตาก พบไม้สัก ไม้กระยาเลยจากป่าเต็มโรงงาน ส่วนเจ้าของการข่าวดี ไม่อยู่โรงงาน เผ่นก่อนปล่อยลูกน้องไทย-ต่างด้าว ยิ้มแห้งรับกรรมถ้วนหน้า ไม่ปล่อยให้หนีลอยนวล ตำรวจร้องทุกข์ดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว
ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. , พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญญา รอง ผบก.ปทส. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส. เดินหน้าสืบสวนกรณีมีการลักลอบตัดไม้หวงห้ามในพื้นที่ป่า จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ลงพื้นที่สืบสวนอย่างจริงจัง
จากการสืบสวนทราบว่า มีการลักลอบขนไม้หวงห้ามที่ตัดจากพิ้นที่ป่าภาคตะวันตก ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ. ตาก เพื่อจะนำไปส่งฝั่งภาตตะวันออก ในพิ้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา
พ.ต.ท.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์ รอง ผกก.4 บก.ปทส. จึงรุดนำทีมงาน ชป.นครสวรรค์ บุกลงพื้นที่สกัดรถที่ลักลอบขนส่งไม้ดังกล่าวเอาไว้ได้ที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ คนขับมั่นใจโชว์เอกสาร โผล่สำแดงเท็จ อ้างขนเฟอร์นิเจอร์ แต่พอเปิดดูกลับไม่ตรงกับของในกระบะสักชิ้น จึงได้ตรวจยึดทั้งรถ ทั้งไม้สัก และไม้กระยาเลยในรถ ส่ง พ.ต.ท.หญิง ภิ์ษัชกร เลิศวิลัย พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปทส. รับคำร้องทุกข์ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จนสามารถสืบสวนขยายผลทราบว่า ต้นทางของไม้มาจากโรงงานเถื่อนแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด จ.ตาก จึงได้สั่งการให้ ชป.แม่สอด นำโดย พ.ต.ท.ธนพล ยอดกัณหา สว.กก.4 บก.ปทส. หัวหน้าทีมแม่สอด บุกเข้าตรวจค้นโรงงานเป้าหมาย พบไม้สัก ไม้ประดู่ รวมของกลางกว่า 300 รายการ ความเสียหายต่อรัฐกว่า 900,000 บาท ตรวจสอบเอกสารการตั้งโรงงาน เอาใบมาสวม สถานที่ไม่ตรงกับที่ขออนุญาต จับลูกน้องทั้งชาวไทย 5 คน – เมียนมาร์ ที่ลักลอบเข้าประเทศมาทำงานได้อีก 3 คน ส่วนตัวหัวหน้าไม่อยู่ แต่ก็ไม่ปล่อยให้ลอยนวล ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สอบถาม พ.ต.ท.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์ ทราบว่า ไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่มาจากพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติในพื้นที่ จ.ตาก ปรากฏจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช การกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นความท้าทายของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ต้องเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาคนที่กระทำในรูปของขบวนการและผู้มีอิทธิพลลงมารับผิดตามกฎหมายให้ได้
การกระทำความผิดในครั้งนี้ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ในข้อหา “ร่วมกันทำไม้หรือกระทำอันตรายใดๆแก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต, และ ร่วมกันมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” นอกจากนั้นยังมี พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 ในข้อหา “ร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” อีกด้วย
ส่วนชาวเมียนมาร์ที่เข้ามาในประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โดนเพิ่มอีกข้อหา ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ฐาน”เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่”
จึงอยากฝากถึงพี่น้องประชาชน ว่าไม้หวงห้ามทุกต้นเป็นสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่แค่ต้นไม้ แต่คือทรัพยากรที่หล่อเลี้ยงชีวิต ปกป้องแผ่นดิน และสร้างสมดุลให้ธรรมชาติ การลักลอบตัดไม้หวงห้ามไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายอนาคตของลูกหลาน และเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม น้ำท่วม และการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่า ขอให้ทุกคนร่วมกันดูแล รักษา และแจ้งเบาะแสผ่าน “สายด่วน บก.ปทส. 1136” หากพบเห็นการกระทำความผิด เพื่อปกป้องป่าไม้ให้คงอยู่กับเราไปตราบนานเท่านาน
พิทักษ์ผืนป่า รักษาสิ่งแวดล้อม ถนอมชีวิตสัตว์
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน
