บิ๊กเต่า ลั่นให้เวลาผู้ร่วมขบวนการถึงแค่วันพุธที่ 12 มีนาคม นี้ ไม่งั้นจะตีตกจากพยานเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่และเชิญตัวพยานผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำในคดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่ สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตลพบุรี จังหวัดลพบุรี

โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยความคืบหน้าว่า วันนี้ได้เชิญพยานในฐานะเป็นผู้ป่วยที่ถูกเชิญให้ร่วมขบวนการ รวมประมาณ 70 คนมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ตอนนี้สอบปากคำในฐานะพยานที่เคยเป็นทหารหรือครอบทหารผ่านศึก ก่อนแกล้งเป็นผู้ป่วยทิพย์เข้าไปรับการรักษาและขอยา หลังจากนี้ต้องตรวจสอบว่าเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกจริงหรือไม่ โดยจะต้องนำหลักฐานข้อมูลต่างๆไปพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งแผนพฤติกรรมพบว่าขบวนการดังกล่าวอาจจะทำให้เหยื่อถึงขั้นเสียชีวิตหรือไม่ ที่เกี่ยวกับอาการของคนไข้ที่เป็นเบาหวานแล้วให้มีการกินไขมันจำนวนมากเพื่อไปรักษาถึงขั้นช็อคทำให้เสียชีวิต ซึ่งจะเข้าข่ายค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ จึงมีหลายประเด็นที่จะต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุอีกว่า พยานที่อ้างว่าไม่มีความรู้เรื่องข้อกฎหมาย หรือบางคนที่เต็มใจยอมเข้าร่วมขบวนการเพื่อหวังเงิน ส่วนจะมีเจตนาหรือไม่มีคณะกรรมการจะต้องมาแยก เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกคนจะต้องรู้กฎหมายหรือไม่ แต่ความถูกต้องของสังคมจะต้องมี โดยเฉพาะคนที่เป็นเหยื่อจริงๆก็ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องทั้งหมดกำลังแยกว่าใครมีเจตนาหรือใครเป็นเหยื่อ แต่ส่วนตัวรู้สึกเวทนาด้วยปัญหาความยากจนและด้อยความรู้ของชาวบ้าน

ส่วนกรณีแพทย์ที่มีการจ่ายยาในกับคนไข้เป็นจำนวนมาก ในขั้นตอนส่วนนี้จะต้องแยกในการพิจารณากับกลุ่มพยานเหล่านี้ โดยยืนยันว่าจะทำทุกมิติเพื่อแยกให้รู้ว่าใครเป็นตัวการใหญ่ของขบวนการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน เนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนที่มีการรวบรวมครบทุกประเด็น คาดว่ามีการทุจริต โดยคณะกรรมการจะมีการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสืบสวนสอบสวนทุกมิติกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ร่วมกันเอายา รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พบเส้นทางการเงิน และแชทไลน์ต่างๆ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

โดยคณะกรรมการยืนยันว่า ขบวนการดังกล่าวเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย เพราะเป็นการไปดึงงบประมาณของภาครัฐ และใช้วิธีการหลอกเหยื่อไปดึงยาออกมาหมุนเวียน ซึ่งมันสร้างความเสียหายในกับงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก ซึ่งความจริงยาเหล่านี้การจ่ายยาแต่ละครั้ง แพทย์จะต้องจ่ายยาตามบัญชีให้กับผู้ป่วย แต่ขบวนการเหล่านี้จ่ายยานอกบัญชีครั้งละจำนวนมากให้กับผู้ป่วยทิพย์ ซึ่งเป็นยาที่มีราคาแพง

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ากรณีที่ผู้ป่วยไปรักษาอีกโรงพยาบาลหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคจริง แล้วไปรักษาอีกโรงพยาบาล เพื่อต้องการค่าจ้าง ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นความผิด ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบให้รอบด้าน เพราะตอนนี้ได้แค่มิติเดียว ส่วนยาที่มีการเบิกไปทั้งหมดยืนยันว่ามีข้อมูลแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยคณะกรรมการได้ประสานขอข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว

ส่วนตัวการกลุ่มคนที่ไปรับยาเป็นเพียงคนที่ได้รับผลประโยชน์ส่วนน้อย แต่ยืนยันว่า ยาที่มีการเบิกออกไปยังหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ซึ่งยาที่เจอส่วนใหญ่เป็นยานอกระบบที่เจ้าหน้าที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว ซึ่งเป็นยาที่แพทย์เจาะจงสั่งจ่ายให้กับผู้ป่วยแต่ละรายที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโรคที่ลงในระบบไว้ แต่การจ่ายยามันผิดข้อสังเกต อาการป่วยคนไข้ยังไม่ถึงขั้นตอนต้องจ่ายยานอกบัญชีทันทีที่มีการวินิจฉัยโรคครั้งแรก

ส่วนพยานที่ต้องเข้าให้ข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีจำนวนมากแต่ไม่ระบุตัวเลข ซึ่งจะเร่งรัดสอบให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งต่อให้กับ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อ

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการข่มขู่พยาน จึงขอความร่วมมือให้พยานทุกคนเข้ามาให้ข้อมูล โดยไม่ต้องมีหมายเรียกเพราะเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้ว รู้ข้อมูลตามเวชระเบียบทั้งหมด เพราะการเข้ามาให้ข้อมูลโดยไม่มีหมายเรียกจะทำให้มีเจตนาที่ดีกว่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้เวลาถึงวันพุธที่ 12 มีนาคม ภาพยานหรือผู้ร่วมขบวนการยังไม่เข้ามาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่จะถือว่าเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ด้าน แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก จากการตรวจสอบเบื้องต้นพฤติกรรมของแพทย์พบมีความผิดปกติเนื่องจากมีการจ่ายยานอกบัญชีให้กับผู้ป่วยที่เข้าพบภายในครั้งแรก ซึ่งถือว่าผิดปกติ เพราะตามหลักแล้วการจ่ายยานอกบัญชี ตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง สามารต้องจ่ายยาให้กับผู้ป่วยได้ ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยทานยาในบัญชีแล้วไม่ได้ผล หรือแพ้ยาบางชนิดจึงจำเป็นต้องใช้ยานอกบัญชี ซึ่งยาในบัญชีจะมีราคาถูกกว่ายานอกบัญชี 30-40 บาทต่อเม็ด ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่กระบวนการต้องการที่จะขอยานอกบัญชี ส่วนแพทย์หญิงที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการขณะนี้ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ส่วนเข้าข่ายผิดในเรื่องของจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่ ต้องให้แพทยสภา และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันพิจารณา

สำหรับสายงานอื่นในขณะนี้ มีรายงานว่าแม่จีนได้ข่มขู่ ลูกข่ายที่เข้าร่วมในขบวนการทุจริตเบิกยา หากเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจอาจจะถูกดำเนินคดี และอาจจะมีทนายฟ้องกลับ ทางตำรวจยืนยันว่าหากผู้ที่ถูกชักชวนเข้าร่วมขบวนการไม่เดินทางให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ภายใน 3 วันนี้ ทุกคนอาจจะต้องถูกกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหา ไม่ใช่ฐานะพยาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีรายชื่อผู้ที่เข้ารับการรักษา และเบิกยาในขบวนการนี้ทั้งหมดแล้ว จากเวชระเบียนของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ยืนยันเจ้าหน้าที่พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

บิ๊กเต่า ลั่นให้เวลาผู้ร่วมขบวนการถึงแค่วันพุธที่ 12 มีนาคม นี้ ไม่งั้นจะตีตกจากพยานเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด

บิ๊กเต่า ลั่นให้เวลาผู้ร่วมขบวนการถึงแค่วันพุธที่ 12 มีนาคม นี้ ไม่งั้นจะตีตกจากพยานเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด

บิ๊กเต่า ลั่นให้เวลาผู้ร่วมขบวนการถึงแค่วันพุธที่ 12 มีนาคม นี้ ไม่งั้นจะตีตกจากพยานเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

Leave a Comment