อุทาหรณ์! หญิงจีนคันขา 2 เดือน สุดท้ายตรวจพบมะเร็งตับ แพทย์เตือน 4 สัญญาณผิวหนังที่ไม่ควรมองข้าม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกรณีของหญิงชาวจีนแซ่หลี่ วัย 50 ปี จากเมืองหางโจว มณฑลเจียงซู ที่เริ่มมีอาการ คันขา อย่างไม่ทราบสาเหตุมานานกว่า 2 เดือน ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพียงอาการแพ้ผิวหนังทั่วไป จึงซื้อยาแก้แพ้มาทานเอง แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น ไม่นาน อาการคันเริ่มลามจากขาไปยังส่วนบนของร่างกาย และคันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนสาวชาวจีนคนนี้ได้ตัดสินใจไปพบแพทย์ที่ศูนย์บริการสุขภาพ หลังแพทย์สอบถามอาการแล้วเกิดความสงสัย จึงส่งตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง ผลปรากฏว่าพบก้อนเนื้องอกบริเวณตับ
โดยต่อมาแพทย์ส่งตัวเธอไปยังโรงพยาบาลที่ 2 ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงเพื่อตรวจเพิ่มเติม ผลตรวจยืนยันว่าเป็นเนื้องอกจริง ซึ่งเป็น มะเร็งตับปฐมภูมิ แต่ยังโชคดีที่พบได้ทันเวลา แพทย์สามารถผ่าตัดนำก้อนเนื้องอกออกได้สำเร็จในวันเดียวกัน และผู้ป่วยกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว นายแพทย์หลี เซี่ยวเฉียง รองหัวหน้าแผนกอายุรกรรมทั่วไป อธิบายว่า ตับที่มีความเสียหายสามารถกระตุ้นเส้นประสาทในผิวหนัง ส่งสัญญาณผ่านระบบประสาทไปยังสมองส่วนรับความรู้สึก ทำให้เกิด อาการคันแบบเรื้อรัง ที่รักษายาก
แพทย์หลีเซี่ยวเฉียงเตือนว่า หากพบความผิดปกติทางผิวหนังต่อไปนี้ต้องระวัง เพราะ ตับ อาจมีปัญหา
1.ผิวหนังคันเรื้อรัง
เป็นอาการที่พบได้เมื่อระบบตับเสียหาย อาการคันอาจลุกลามทั่วร่างกาย และไม่ตอบสนองต่อยาแก้แพ้ทั่วไป
2.ผิวหนังหรือตาขาวเหลือง (ดีซ่าน)
เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบินในร่างกาย เนื่องจากตับไม่สามารถกำจัดออกได้ตามปกติ ทำให้ผิวหนังและตาขาวมีสีเหลืองคล้ำ
3.เส้นเลือดฝอยขยายตัว หรือจุดแมงมุม (Spider Angioma)
สังเกตเห็นหลอดเลือดฝอยสีแดงหรือม่วงที่ผิวหนัง กดแล้วหาย พอปล่อยจะเห็นอีก เป็นผลจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงผิดปกติเมื่อการทำงานของตับบกพร่อง
4.เลือดออกง่ายผิดปกติ
ตับมีหน้าที่สร้างสารช่วยในการแข็งตัวของเลือด หากมีปัญหาจะทำให้เกิดอาการเลือดออกที่เหงือก จุดเลือดออกใต้ผิวหนัง หรือเลือดออกในระบบย่อยอาหาร