ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

วันที่ 11 มิ.ย.68 ตัวแทนชาวบ้านบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 5 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ กว่า 50 คน ลงทุนเหมารถสองแถวจาก อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปที่หน้าที่ว่าการอำเภอคูเมือง จ.บุรีรัมย์

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

เพื่อยืนหนังสือขอความเป็นธรรมและอยากให้นายอำเภอคูเมือง ช่วยหาแนวทางเอาเงินจาก นางสาว อักษรย่อ เอ. นามสมุติ  ทำงานตำแหน่งผู้ช่วยเสมียนตรา ของ อ.คูเมือง ที่เพิ่งย้ายมาจาก อ.บ้านด่าน ชาวบ้านระบุว่า นางสาว เอ ได้โกงเงินทุนหมู่บ้านมากว่า 3.6 ล้านบาท

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจตัวแทนชาวบ้าน ถึงกับอ่านหนังสือร้องเรียนเป็นแถลงการณ์ต่อหน้านายณัฎฐ์ณภัทร พรมคำน้อย ปลัดอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรม อำเภอคูเมือง ผู้แทนนายอำเภอคูเมือง ที่มารับเรื่องร้องเรียน

ตัวแทนชาวบ้านได้อ่านแถลงการณ์ระบุ นางสาว เอ ซึ่งเคยได้รับตำแหน่งเหรัญญิก ของกองทุนหมู่บ้านโนนสวรรค์ ตั้งแต่ปี 2540 ถึงวันที่ 10 ต.ค 2562 ก่อนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้นมา แต่ นางสาว เอ ไม่ยอมให้เอกสารใดๆกับคณะกรรมการชุดใหม่ นาวงสาว เอ ยังทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกเหมือนเดิม

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

นางสาวสุพัตรา เกื้อทาน อายุ 45ปี บ้านเลขที่ 39 ม.5 บ้านโนนสวรรค์ ต. บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เล่าว่าเรื่องทั้งหมดมาแดงตอนปี 2567 มีข้อมูลออกมาว่าชาวบ้านที่กู้เงินเพียง 20,000-30,000 บาท แต่มีหลักฐานออกมาเป็นกู้ 50,000-100,000 บาท จนกระทั่งมาทราบว่าเงินในระบบซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 3,600,000 บาท ได้หายไปทั้งหมด หลังจากนั้น นางสาว เอ ก็ย้ายไปอยู่ อ.คูเมือง

ชาวบ้านพยายามติดตามทวงถามถึงเงินที่หายไป แต่ นางสาว เอ กลับไม่สนใจ อ้างว่าชาวบ้านมากู้เงินก็ให้ ทั้งที่ชาวบ้านบางคนไม่เคยกู้เงินกองทุน แต่ยังมีชื่อเป็นคนกู้ หลังจากนั้นตัวแทนชาวบ้านได้ไปแจ้งความให้เอาผิดไว้ที่ สภ.บ้านด่าน แต่เรื่องก็เงียบไปอีก สุดท้าย นางสาว เอ  ท้าให้ชาวบ้านไปฟ้องเอาเอง

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

การที่ชาวบ้านเดินทางมาครั้งนี้ยอมรับว่าแต่ละคนมีแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ ที่กองทุนเริ่มมีเงินล้านครั้งแรก จนขยายกิจการมีเงินดอกเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า 3.6 ล้านบาท จนธนาคารชื่นชมว่าบริหารเงินได้ดี จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ ตอนนี้ชาวบ้านไม่หวังอะไร ขอแค่ให้เงิน 1 ล้านบาทที่เป็นทุนครั้งแรกกลับมาก็พอจะเอามาเริ่มต้นใหม่กันเอง ส่วนเงินที่เหลืออีก 2.6 ล้านบาท ชาวบ้านบอกจะอุทิศส่วนกุศลให้

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

ชาวบ้านยกทับทวงเงินสาวหน้าห้อง เชิดเงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 3 ล้าน แถมท้าให้ฟ้อง

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.บุรีรัมย์ รายงาน

Leave a Comment