หลังจาก นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่ภายในแฟลตตำรวจ แห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ ซึ่งเป็นที่พักยา
โดยรับรายงานจาก นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือยาที่ใช้ในการเสียสาวทำให้หลับและเคลิ้มไป จัดเป็น วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 ซึ่งต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น
เบื้องต้นสามารถควบคุมตัวผู้ที่เกี่ยวข้องได้ 2 ราย ประกอบด้วย พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล หรือหมอแอร์ พร้อมจับกุมชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ พร้อมยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ ที่บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง
ดร.ธนกฤต เปิดเผยว่า พฤติการณ์พบพันตำรวจเอกแพทย์หญิงคนดังกล่าว เป็นผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียว ในการสั่งกลุ่มยานอนหลับ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยใช้ชื่อคลินิกในเครือข่าย 11 แห่ง ร่วมในการสั่งซื้อ ซึ่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเป็นคลินิกเวชกรรม ก่อนที่จะนำยามาพักไว้ยังสถานที่จัดเก็บและจำหน่ายให้กับผู้ซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้ในกลุ่มวัยรุ่น โดยมักจะนำไปใช้เป็นยาเสียสาว
ทางการสืบสวนสอบสวนพบว่า หมอคนดังกล่าวสั่งซื้อยาจาก อย.ตั้งแต่ปี 2565-2568 จำนวน 15 ล้านบาท อย.เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับทางตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา เงินหมุนเวียนสูงถึง 80 ล้านบาท โดยแพทย์หญิงคนดังกล่าวเป็นคนสั่งซื้อ และจ่ายเงินเพียงคนเดียว
ในจุดนี้ที่ตรวจค้น พบว่าเป็นอาคารที่พักของราชการตำรวจ ภายในห้องพักมีการเก็บยาของกลางไว้จำนวนมาก พบผู้ดูแล 1 คน เป็นบุคคลธรรมดา จึงควบคุมตัวไว้สอบปากคำ ส่วนแพทย์หญิงเจ้าของห้อง สามารถจับกุมได้ที่บ้านพักคุมตัวไว้สอบปากคำแล้วเช่นกัน โดยยาที่พบในห้องเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 ที่กำกับดูแลโดย อย. หากใช้ผิดวิธีจะเป็นอันตรายต่อสังคม
นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ระบุเพิ่มเติมว่า ยากลุ่มประเภทดังกล่าว ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมใช้ในสถานพยาบาล ซึ่ง อย.สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า ยาถูกสั่งซื้อและสั่งจ่ายให้กับผู้ป่วยรายใด
พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ อดีตรอง ผบ.ตร. และรองประธานคณะทำงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่ามีการซื้อขายนอกระบบ โดยให้บุคคลภายนอกเข้ามาพักอาศัยภายในอาคารที่พักราชการและจำหน่ายยา
นอกจากนี้ยังมีพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้ง DNA ของบุคคลที่สัมผัสกับอุปกรณ์ยา และข้อมูลยาที่สั่งซื้อจาก อย.สามารถเช็กได้ตั้งแต่การสั่งซื้อ การจ่ายเงิน และการส่งยา ซึ่งมั่นใจว่าหลักฐานแน่นสามารถเอาผิดได้
โดยแพทย์หญิงคนนี้มีความผิดทั้งทางวินัยและอาญา ในการให้สิทธิ์ที่พักอาศัยแก่บุคคลภายนอก , ความผิดตามมาตรา 157 , ร่วมกันครอบครองและจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 ซึ่งมีโทษแบบเดียวกันกับยาเสพติด), ฟอกเงิน และจะมีการยึดทรัพย์ต่อไป ส่วนของใบประกอบวิชาชีพจะมีการยื่นให้ทางแพทยสภาในการพิจารณาลงโทษ
เบื้องต้นทั้ง 11 คลินิกมีเจ้าของหลายคน ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีหมอ หรือพยาบาลคนไหนมีส่วนร่วมอีกหรือไม่ โดยในพรุ่งนี้จะมีการค้นคลินิกทั้งหมด และจะมีการแถลงข่าวความชัดเจนอีกครั้ง
