วันนี้ (5 มิ.ย.) ตำรวจเตรียมคุมตัวนายสิทธิศักดิ์ หรือ “แบงค์” อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาหัวโจกคดีปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังเจ้าตัวยืนยันก่อเหตุเพียงครั้งเดียว ไม่มีผู้ชี้เป้า และแสดงความเสียใจพร้อมอยากขอขมาครอบครัว รปภ. ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) เปิดเผยความคืบหน้าคดีแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้าจากตู้คอนเทนเนอร์ของกรมศุลกากร ซึ่งจัดเก็บอยู่ในการท่าเรือแห่งประเทศไทย จนเป็นเหตุให้ รปภ. เสียชีวิตว่า ขณะนี้กรมศุลกากรกำลังเร่งตรวจสอบจำนวนและความเสียหายของของกลางที่หายไป ซึ่งคาดว่ามีหลายพันรายการและต้องใช้เวลา ก่อนจะเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม ข้อเท็จจริงและข้อสงสัยในคดี รายงานจากชุดคลี่คลายคดีระบุว่า กรณีที่นายแบงค์อ้างถึงอดีต รปภ. เป็นผู้ชี้เป้านั้น เป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจกำลังสืบสวนข้อเท็จจริง โดยได้ข้อมูลชื่อเล่นของผู้ที่ถูกกล่าวอ้างแล้วและอยู่ระหว่างการพิสูจน์ตัวบุคคลเพื่อเรียกสอบปากคำ
จากการสอบสวนผู้ต้องหา ตำรวจยังพบช่องโหว่ว่า การท่าเรือฯ มีกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงว่าจ้างคนในพื้นที่มาช่วยขนย้ายของ ทำให้บุคคลภายนอกทราบข้อมูลบริเวณที่เก็บของกลาง ประเด็นเกี่ยวกับผู้ถูกพาดพิงและประวัตินายแบงค์
สำหรับการสอบถามนายกุศล หรือ “สน” อายุ 50 ปี ที่ถูกพาดพิงถึงนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ แต่จากการตรวจสอบพบว่านายสนมีการเสพยาเสพติด จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ได้มาแจ้งความเพื่ออายัดตัวนายแบงค์ ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์เพิ่มเติม เนื่องจากนายแบงค์มีประวัติอาชญากรรมหลายคดี
เวลา 08.30 น. ที่ สน.ท่าเรือ มารดาของนายแบงค์ได้นำอาหาร ทุเรียน และน้ำมาเยี่ยม โดยนายแบงค์ปฏิเสธรับทุเรียน มารดาเปิดเผยว่านายแบงค์ไม่มีอาการเครียด กินข้าวได้ตามปกติ และครอบครัวจะพยายามยื่นประกันตัวหากทำได้
ต่อมาเวลา 09.50 น. พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายแบงค์ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา ฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายแบงค์ถึงผู้รับซื้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ขโมยมา นายแบงค์ตอบเพียงว่าได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว และยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีใครชี้เป้า และไม่รู้จักนายสนหรืออดีต รปภ. พร้อมย้ำว่าก่อเหตุเพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต อยากขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิตหากได้รับการประกันตัว
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน
