กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ภายใต้การอำนวยสั่งการของ พ.ต.อ.มนพร ลิขิตมานนท์ ผกก.3 บก.ทท.1,พ.ต.ท.มานะ บุญสม รอง ผกก.3 บก.ทท.1 , พ.ต.ท.อภิรุ่ง เพียรมงคล รอง ผกก.3 บก.ทท.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เสกสันติ์ ฐิรเรืองรัตน์ สว.กก. 3 บก.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เก็ยข้อมูล และเฝ้าติดตามพฤติกรรม กลุ่มบุคคลชาวจีนที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุลักทรัพย์บนเครื่องบิน บนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่มีปลายทางมายังท่าอากาศยานสุววรรณภูมิ
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2568 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.3 บก.ทท.1 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบิน แอร์ มาเก๊า (AIR MACAU) เที่ยวบินที่ NX996 ว่ามีเหตุลักทรัพย์บนอากาศยานลำดังกล่าว จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ MR.T (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี สัญชาติจีน(มาเก๊า) ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้เดินทางมากับเที่ยวบินดังกล่าว ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งจาก MR.R(นามสมมุติ) อายุ 67 ปี สัญชาติอเมริกา (พยานในที่เกิดเหตุ) ซึ่งนั่งอยู่ใกล้เคียงกัน ว่าเห็นชายชาวจีนใส่แว่น แอบค้นกระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำที่ช่องเก็บของเหนือศีรษะขณะที่เที่ยวบินอยู่ระหว่างเดินทาง โดย MR.R(นามสมมุติ) เห็นว่า ผู้ก่อเหตุได้ล่วงหยิบเอาถุงพลาสติกออกมา แต่หลังจากเครื่องบินลำดังกล่าวมาถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลับพบว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่เจ้าของกระเป๋าใบดังกล่าว แต่กลับเป็น MR.T(นามสมมุติ) เป็นเจ้าของกระเป๋า จึงได้รีบแจ้งให้กับ MR.T (นามสมมุติ) รีบตรวจสอบทรัพย์สินภายในกระเป๋าว่าครบถ้วนหรือไม่
จนกระทั่งพบว่าธนบัตรไทยจำนวน 30,000 บาท ที่เก็บไว้ภายในกระเป๋าได้หายไป MR.T (นามสมมุติ) จึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่สายการบินบนเครื่องให้ทราบ เจ้าหน้าที่สายการบินจึงได้ทำการตรวจสอบพบ MR.H (นามสมมุติ )อายุ 54 ปี สัญชาติจีน และ MR.W (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน ท่าทางมีพิรุธ เมื่อ MR.W (นามสมมุติ) เห็นว่าเจ้าหน้าที่เริ่มสงสัย จึงได้นำเงินธนบัตรไทย จำนวน 30,000 บาท ใส่ไว้ในถุงพลาสติก แล้วโยนทิ้งลงบนพื้นเครื่องบินและพยายามพูดกับเจ้าหน้าที่สายการบินว่าขอไม่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังมีพยานเป็นผู้โดยสารอีกหลายราย ยืนยันว่าชายทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมลุกจากที่นั่งไปเปิดค้นทรัพย์สินของผู้โดยสารบนเครื่องบินลำดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่สายการบินจึงได้ประสานมายัง ตำรวจท่องเที่ยวสุวรรณภูมิให้เข้าตรวจสอบ และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ไว้ได้ และนำตัวมาสอบปากคำที่ กก.3 บก.ทท.1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาต่อมาได้มี Miss D (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี สัญชาติ จีน ได้มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าได้เดินทางมากับเที่ยวบินดังกล่าวเช่นกัน และเมื่อดินทางไปถึงโรมแรมที่พักพบว่ากระเป๋ามีร่องรอยถูกเปิดค้น โดยทรัพย์สินในกระเป๋าเป็นเงินสดมูลค่า 50,000 บาท ได้หายไป จึงรีบเดินทางกลับมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบถาม Miss D (นามสมมุติ) ยืนยันว่า หนึ่งในสองของผู้ก่อเหตุนั่งอยู่ในเคียงกับตนบนเครื่องบินลำดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นตัวและสัมภาระโดยละเอียด จนกระทั้งพบเงินสดของกลาง 50,000 บาท ซุกซ่อนอยู่ในตัวของผู้ก่อเหตุจริง
นอกจากนั้นยังพบเงินสกุลต่างชาติอีกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะเป็นเงินของผู้เสียหายที่ถูกผู้ก่อเหตุลักขโมยมาจากเที่ยวบินอื่น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อติดตามหาผู้เสียหายเพิ่มเติมต่อไป ในชั้นจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งสองคนยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากการตรวจสอบประวัติบุคคลของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย พบว่าอยู่ในรายชื่อของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงที่จะก่อเหตุลักทรัพย์บนเครื่องบิน อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังที่ต้องติดตามพฤติกรรม ที่ทางชุดสืบสวน กก.3 บก.ทท.1 ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้นำตัวผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย มาดำเนินคดีโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ และได้ทำการสอบปากคำพยานบนเครื่องบินดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนำทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมทั้งหมด ส่งคืนให้นักท่องเที่ยวผู้เสียหายในขั้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน