เมื่อวันที่ 17 มี.ค 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เลาขวัญ ได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายกัน มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่ริมถนนสายบ้านบ่อยาง-บ้านน้ำคุ้ง หมู่ 1 ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยอาสามูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดเลาขวัญ แพทย์เวร รพ.เลาขวัญ ร่วมช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุ เป็นถนนสองเลนแบบสวนกัน เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน พบรถจยย. ยี่ห้อ ยามาฮ่า สีแดง ทะเบียน สุพรรณบุรี กับรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก สีดำขาว ทะเบียน นครปฐม ล้มตะแคงอยู่บนถนน มีแพ็คน้ำอัดลมมีอาหารมีขนมตกอยู่บนพื้นถนน พบผู้เสียชีวิตนอนหงายอยู่ข้างถนน สวมโม่งสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อตแขนยาวสีฟ้าเข้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา สวมรองเท้าแตะหูหนีบ ถูกมีดแทงหลายแผลมีเลือดไหลทั้งตัว ทราบชื่อคือ น.ส.เนตรดาว (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี
ส่วนอีกรายนอนหงายหายใจรวยรินสวมโม่งสีดำ ใส่เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ถูกแทงที่ท้องหลายแผลไส้ไหลออกมา ทราบชื่อคือ นายเค อายุ 43 ปี จากนั้น มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดเลาขวัญ ทำการปฐมพยาบาล ก่อนนำตัวส่ง รพ.เลาขวัญ แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัสจึงนำส่งรักษาตัวต่อ รพ.พหลพลพยุหเสนา เบื้องต้น อาการปลอดภัย โดยมี จนท.ตำรวจ ควบคุมตัวในระหว่างรักษาตัว
ระหว่างนั้น แพทย์เวร รพ.เลาขวัญ และ จนท.ตร.พิสูจน์หลักฐานกาญจนบุรี มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดเลาขวัญ ร่วมชันสูตรพลิกศพ น.ส.เนตรดาว พบว่าถูกมีดแทงทั้งตัว 8 แผล ถูกจุดสำคัญเสียเลือดมาก จึงให้นำส่งชันสูตรที่ รพ.ศูนย์ราชบุรี ส่วนในที่เกิดเหตุพบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 6 นิ้ว ปลอกทองเหลืองด้ามไม้ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเคยเป็นสามีภรรยากัน มีลูกชายด้วยกันอายุ 12 ปี โดยผู้เสียชีวิตนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.มากับเพื่อนร่วมงาน โดยมีผู้ก่อเหตุขี่รถจยย.ตามประกบ พอมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ใช้เท้าถีบจนรถจยย.ล้มคว่ำ ก่อนที่จะลงไปใช้มีดปลายแหลมกระหน่ำแทง 8 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิต เสียชีวิตทันที และใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเองอีกหลายครั้ง
จากการสอบถามคนที่ขี่รถ จยย.ที่ซ้อนผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.เนตรดาว เคยเป็นภรรยาของนายเค อยู่ด้วยกันมา 15 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน แต่นายเค เป็นคนเกเร ทำให้ น.ส.เนตรดาว ทำงานเลี้ยงลูกคนเดียวตลอด อยู่บ้านก็ขอแต่เงิน ส่วน น.ส.เนตรดาว เป็นคนขยันทำมาหากิน จึงขอเลิกแล้วหนีไปทำงานที่อื่น เลิกกันมาประมาณปีกว่า ๆ นายเค พยายามตามง้อ แต่ น.ส.เนตรดาว ไม่ยอมคืนดีด้วย นายเค จึงคิดว่า น.ส.เนตรดาว มีคนอื่น
ช่วงหน้าตัดอ้อย น.ส.เนตรดาว ได้กลับมาช่วยเถ่าแก่ตัดอ้อยจนเสร็จ นายเค รู้ว่า น.ส.เนตรดาว กลับมาอยู่บ้านเถ้าแก่ เพราะบ้านเถ้าแก่อยู่ใกล้กับบ้านนายเค โดยนายเคได้ไปตามง้อขอคืนดีอีก 2 หน แต่ น.ส.เนตรดาว ก็ไม่ยอมคืนดีด้วย ซึ่ง น.ส.เนตรดาว เป็นคนหน้าตาดี เมื่ออ้อยตัดเสร็จหมดแล้ว เถ้าแก่ไร่อ้อย ใช้ไปซื้อของให้มาทำกินกันกับลูกน้องทั้งหมด จึงใช้นางโน (นามสมมุติ) ให้หาคนมาเป็นเพื่อน โดยนางโน จึงชวนผู้เสียชีวิต คือ น.ส.เนตรดาว มาด้วยกัน 2 คน
นางโน เป็นคนขี่รถ จยย. ตอนขี่รถไปตลาดจะผ่านบ้านของนายเค ผู้ก่อเหตุจึงได้ขี่รถจยย.ตามมากวักมือเรียกให้จอด แต่นางโน ก็พยายามขี่หนีนายเค แต่นายเค ขับรถตาม พยามเรียกให้จอด บอกให้ น.ส.เนตรดาว ไปเอารูปของแม่ ซึ่งแม่นั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว ที่บ้านของนายเค แต่นางโนไม่ยอมจอดรถคุย เพราะกลัวมีเรื่อง แต่นายเคเห็นว่าไม่จอดรถแน่ จึงใช้เท้าถีบรถมอจักรยานยนต์ จนเสียหลักล้ม พอรถล้ม ก็กระโดดเข้ามาใข้มีดจ้วงแทงผู้เสียชีวิตหลายครั้ง
น.ส เนตรดาว ก็พยายามยื้อดึงมีดทิ้ง นางโนลุกจากที่รถได้ก็มาช่วย น.ส.เนตรดาว แย่งมีดจากนายเค แต่ด้วยนายเค เป็นผู้ชายร่างใหญ่ จึงไม่มีแรงสู้ จึงวิ่งไปขอร้องกับรถที่วิ่งผ่านมาช่วย แต่ในตอนนั้น นายเค ก็ยังไม่หยุดแทง พอเห็น น.ส.เนตรดาว นิ่งไป นายเค จึงเอามีดที่ก่อเหตุ มาแทงตัวเองหลายครั้ง บริเวรท้องจนเห็นลำใส้ เพื่อจบชีวิตตัวเองตาม
อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการสอบสวนของ จนท.ตร.และผลการชันสูตร และรอผลสอบปากคำผู้ก่อเหตุ จึงสามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี รายงาน
