เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้าร่วมประชุมวางแนวทางการสืบสวนคลี่คลายคดีขบวนการจัดฉากฆาตกรรมอำพราง นายวิเชียร อายุ 32 ปี ชาวบ้านสุวรรณคีรี อ.วานรนิวาส ให้ประสบอุบัติเหตุ เพื่อหวังเอาเงิน พ.ร.บ.กรมธรรม์ รถยนต์ จำนวนกว่า 14 ล้านบาท โดยศาลจังหวัดสว่างแดนดินได้มีการอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว จำนวน 4 ราย คือ นายสกล อายุ 38 ปี นายสมศักดิ์ อายุ 56 ปี นายพีรพัฒน์ อายุ 30 ปี นายพรชนก อายุ 41 ปี
ในข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 3 ราย และนำตัวฝากขังที่เรือนจำสว่างแดนดินแล้ว ส่วนรายที่ 4 ที่หลบหนี ทนแรงกดดันไม่ไหว เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเวลาต่อมา
จากนั้นช่วงบ่าย ผกก.กก.สส.ภ.จว.สกลนคร พร้อมชุดคลี่คลายคดี ได้มีการพานายพรชนก หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมขบวนการ เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามจุดต่างๆ อย่างละเอียด ในวันเกิดเหตุวันที่ 10 ก.พ.68 จุดแรก คือ เมื่อเวลา 12.00 น. ที่โรงน้ำดื่มของนายพรชนก มีนายสกล นายพรชนก และนายวิเชียร ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต นั่งรถกระบะขับออกไปยังร้านตัดผมแห่งหนึ่ง นายสกลได้พานายวิเชียรเข้าไปตัดผมในร้านตัดผม และสั่งช่างตัดผมว่าเอาทรงนักเรียนจะพาไปบำบัด
ส่วนนายพรชนกและนายสกลนั่งรออยู่ด้านนอกประมาณ 30 นาที พอตัดผมเสร็จ นายสกลจึงขับรถพานายวิเชียรและนายพรชนกไปร้านสะดวกซื้อ นายสกลลงไปซื้อเสื้อผ้า โดยนายวิเชียรนั่งรออยู่บนรถ ส่วนนายพรชนกรออยู่ด้านหน้าร้านสะดวกซื้อ จากนั้นทั้งหมดก็กลับมาที่โรงน้ำดื่ม ซึ่งนายสกลเปลี่ยนเป็นชุดสีดำเพื่อแต่งตัวให้คล้ายกับนายวิเชียร ซึ่งนายวิเชียรก็เปลี่ยนชุดสีดำเช่นกัน
ต่อมาเวลา 16.00 น.นายสกล นายพรชนก และนายวิเชียร พากันไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน ระหว่างนั้นก็สนทนาตามปกติทั่วไป นายพรชนกเห็นนายวิเชียรมีอาการเซื่องซึม ซึ่งขณะนั้นนายวิเชียรดื่มเหล้าและรับประทานอาหารอยู่ สักพักเวลาประมาณ 6 โมงเย็น เสียงโทรศัพท์ของนายสกลดังขึ้น โดยเสียงปลายสายคือนายพีรพัฒน์ อ้างว่ารถเสียให้มาดูหน่อย จากนั้นนายสกลก็สั่งเก็บเงิน โดยนายพรชนกยังสังเกตเห็นอีกว่านายวิเชียรมีอาการมึนเมาและขอไปนั่งเบาะหลังของรถกระบะ
โดยนายสกลให้นายพรชนกไปขับและอ้างว่าขอไปนั่งท้ายกระบะเพราะอยากดูดบุหรี่ เมื่อรถขับสี่แยกหนึ่งที่มีกล้องวงจรปิด นายสกลที่อยู่ท้ายกระบะเคาะกระจกเรียกให้นายพรชนกจอดและสลับกันขับ อ้างว่าหนาวจะขอขับเอง เพราะนายพรชนกขับช้า เมื่อขับมาถึงจุดรวมพลจุดที่หนึ่ง เห็นรถยนต์กระบะคอกขนน้ำดื่มสีขาว 2 คัน จอดรออยู่ริมถนนอยู่ แล้ว นายสกลกับนายพรชนกเดินลงจากรถลงไปข้างทาง ปล่อยให้นายวิเชียรอยู่บนรถกระบะคนเดียว ที่จอดริมทางเช่นกัน พอลงมาถึงพบว่ามี นายพีรพัฒน์ นายพรชนก ยืนรออยู่แล้ว
พร้อมกับสังเกตเห็นรถยนต์กระบะตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบหนึ่งนายยืนอยู่ข้างรถ โดยไม่พูดจาอะไรคล้ายมาสังเกตการณ์ รวมไปถึงสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงที่เรียกติดปากกันว่าคุณนายนั่งมาในรถกระบะด้านซ้ายด้วย
ระหว่างรวมตัวกันนายสกลก็แบ่งหน้าที่ว่าใครทำอะไร อย่างไรบ้าง พร้อมกับบอกว่าจะจัดการนายวิเชียร โดยญาตินายวิเชียรเขาไม่ว่าอะไร ในตอนนี้เองด้านนายสกลก็หันมาถามนายพรชนกว่าเอาด้วยไหม แต่เหมือนตกกระไดพลอยโจรไปแล้ว และเห็นมีแต่พวกของนายสกลจึงหวาดกลัว นายสกลจึงให้นายพรชนกไปขับรถกระบะไปกับนายสมศักดิ์ ส่วนนายวิเชียรนั่งเบาะหลัง ขณะเดียวกันนายสกลคนจัดแจงได้ขับรถกระบะคอกเปล่าออกไปจากจุดรวมพล แล้วนายพรชนก นายสมศักดิ์ พร้อมด้วยนายวิเชียร ก็ขับรถออกไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นจุดนัดหมายจุดที่สอง
ทั้งสามคนประกอบด้วย นายสมศักดิ์ นายพรชนก นายวิเชียร ก็พากันเดินลงมาปัสสาวะ ขณะที่นายวิเชียรนั่งมึนงงอยู่หน้ารถกระบะ ทันใดนั้นนายสมศักดิ์ก็ลากนายวิเชียรลงไปนอนคว่ำหน้าลงขวางถนน ทิ้งนายวิเชียรไว้คนเดียว จากนั้นนายสมศักดิ์และนายพรชนกขับรถออกไป เจอกันที่จุดนัดพบจุดที่สามห่างจากจุดทิ้งนายวิเชียรไปประมาณ 500 เมตร
ทั้งนี้ไปสอดคล้องกับคำให้การของนายพีรพัฒน์ที่ให้การก่อนหน้านี้ว่า เมื่อได้รับสัญญาณแล้วจึงให้ขับรถกระบะมีคอกน้ำขับมาเหยียบชนนายวิเชียรได้เลย จากนั้นนายพีรพัฒน์อ้างว่า ได้หลับตากลั้นใจขับไปชนแต่ไม่รู้ชนโดนนายวิเชียรหรือไม่ พอนายพีรศักดิ์มาเจอกันตรงจุดที่สามก็บอกทุกคนว่า ได้ขับรถชนนายวิเชียร แต่นายสกลกับนายสมศักดิ์เหมือนไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ได้ขับรถยนต์กระบะคันแรกที่พานายวิเชียรไปทิ้ง ขับวนกลับไปดูจุดเกิดเหตุอีกครั้ง
ตอนนี้นายพรชนกไม่ทราบว่านายสกลและนายสมศักดิ์กลับไปทำอะไร เหลือแต่นายพีรพัฒน์กับนายพรชนกใช้อุปกรณ์เหล็กเชื่อมติดกันระหว่างรถกะบะคอกเปล่ากับรถกระขนน้ำ จากนั้นยังยืนรออยู่จุดนัดพบที่สาม ประมาณ 1 ชม. ต่อมามีเพียงนายสมศักดิ์กลับมาคนเดียวพร้อมรถกระบะ แต่ไมทราบว่านายสกลที่ไปด้วยกับนายสมศักดิ์หายไปไหน จากนั้นทุกคนก็แยกนำรถไปเก็บที่โรงน้ำดื่มของนายพรชนก
ทั้งนี้นายพรชนก ให้การตลอดการทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า ขณะไปรวมตัวกันจุดแรก เคยเห็นหน้านายตำรวจในเครื่องแบบนายนี้ที่งานศพญาติของนายสกล ยืนยันตำรวจนายนี้อยู่จุดแรกรวมพลก่อนเกิดการจัดฉากนายวิเชียรจนเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุตกรถ พร้อมกับฝากไปถึงครอบครัวของนายวิเชียรผู้เสียชีวิตว่า ตนไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้อยู่แล้ว ตนได้ขอโทษไปยังครอบครัวแล้ว
อย่างไรก็ตามการทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้มีการหักล้างกับสำนวนเดิมของพนักงานสอบสวนที่ทำคดีไว้ก่อนหน้านี้ว่า นายวิเชียรเสียชีวิตจากการตกท้ายกระบะแล้วมีรถชักลากจูงมาเหยียบทับซ้ำ เนื่องจากผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย พร้อมทั้งพยานและหลักฐานที่ชุดคลี่คลายคดีมีอยู่ ไม่สอดคล้องกันกับคดีเดิมและสามารถหักล้างกันได้ ซึ่งเชื่อว่าจะสาวไปถึงผู้ร่วมขบวนการที่เป็นนายตำรวจ ยศระดับพันตำรวจโทได้ตามที่นายพรชนกให้การซัดทอด