จากกรณี เพจดังมีการโพสต์โดยระบุว่า หัวร้อนเกินไปไหม..หรืออย่างไร เหตุเกิดที่ซอยโยธี วันที่ 26 ก.พ. เวลาประมาณ 15.20 น. เจ้าของรถจอดในซอยเวลาห้ามจอด แล้วโดนล็อคล้อ ไม่พอใจตำรวจ เอามีดพร้าจากท้ายรถ จะไล่ฟันตำรวจ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ซอยโยธี ถ.พระรามที่หก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร และได้มีโอกาสพูดคุยกับ นาย สกล วินจักรยานยนต์ ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณบ่ายสาม เกิดเหตุชาย โมโหเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่มาล็อคล้อ เนื่องจากซอยโยธี จะไม่ให้จอดเกินเวลาบ่ายสามโมง แต่พอชายคนดังกล่าวกลับ ก็ถูกล็อกล้อแล้วจึงพยายามขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปรับในที่เกิดเหตุ
ซึ่งทางเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมจะให้ไปปรับที่สถานีตำรวจ จึงเป็นเหตุให้ชายคนดังกล่าวโมโหและ หยิบมีดตะขอเพื่อหยุดเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ไปไหน และมีการตะโกนโวยวายโต้เถียง กระทั่งตำรวจคนดังกล่าวได้ประสานกำลังสายตรวจเข้ามาระงับเหตุ ระหว่างระงับเหตุใช้ดังกล่าวก็ยังพยายามถือมีดวิ่งเข้าหาสายตรวจ ผลสุดท้ายก็สามารถเจรจาเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธและเข้าคุมตัวไปยังสถานีตำรวจได้
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ตามมาที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไทและได้มีโอกาสพูดคุยกับจ.อ.ชยกฤต มุสิกวัตร อายุ 59 ปี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ที่ตนโมโหเพราะว่าตนออกมาเลยเวลามาแค่ 2 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ล็อกล้อแล้ว ซึ่งตนจะรีบไปรับ พี่ชายมาโรงพยาบาลรามา ทำให้ตนรู้สึกโมโหบันดาลโทสะ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าตนเป็นฝ่ายผิดเอง
เบื้องต้น เมื่อสอบถามเสร็จ เจรจาเกลี้ยกล่อม แล้ว เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ขอตรวจค้นตัวผู้ต้องหาและรถยนต์ของผู้ต้องหา ยี่ห้อ นิสสัน เทียร์น่า ป้ายทะเบียน ฆพ 5666 กรุงเทพมหานครฯ เพื่อหาสิ่งของผิดกฎหมาย ก่อนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ฯได้แสดงความบริสุทธิ์ใจแก่ผู้ต้องหาจนเป็นที่พอใจแล้วด้วยความยินยอมและสมัครใจของผู้ต้องหา ผลปรากฎว่าไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายที่ตัว ภายในรถยนต์พบเพียงบุตรชายผู้ก่อเหตุนั่งรออยู่ในรถ
เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ ผู้ต้องหาทราบผู้ต้องหารับทราบแล้ว เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ เชิญตัว จ.อ.ชยกฤต มุสิกวัตร มายัง สน.พญาไท เมื่อมาถึงยังห้องปฎิบัติการสายตรวจ สน.พญาไท และได้ทำการตรวจผลสารเสพติดเบื้องต้น พบว่า ไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าพนักงานจึงแจ้งข้อกล่าวหา และแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ โดยผู้ต้องหารับทราบตลอดข้อกล่าวหา แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินการต่อไป
โดยพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาจอดรถกีดขวางการจราจร จอดในที่ห้ามจอด ปรับ 700 บาท ข้อหาพกพาอาวุธ มีด,ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ปรับ 200 รวมทั้งสิ้น 900 บาท ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน