กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายราชาฯ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5120/2567 ลงวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2567 โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยฟุตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่” สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่ง ม.5 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อต้นเดือน สิงหาคม 2567 ผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ กับ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อให้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ ใช้เฟซบุ๊กปลอม แล้วมาหลอกให้รัก ชักชวนลงทุน เสียหายไปกว่า 46 ล้านบาท
โดยคนร้ายได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมเป็นบุคคลอื่นหลอกให้ผู้เสียหายรักและไว้ใจ จากนั้นชักชวนลงทุนผ่านลิงค์แอปพลิเคชันแอปหนึ่ง โดยคนร้ายใช้แอปพลิเคชันเฟชบุ๊ก ที่มีรูปโปรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ ดูดีมีฐานะ ส่งข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชันเมสเซนเจอร์มายังบัญชีเฟซบุ๊กของผู้เสียหาย โดยแนะนำว่าตัวเองชื่อ “New หรือ นิว” และมีการพูดคุยทักทายกันเรื่อยมา จากนั้นผู้เสียหายชวนคนร้ายพูดคุยต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยคนร้ายก็ได้มีการส่งคิวอาร์โค้ด สำหรับทำการเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์มาให้ผู้เสียหายด้วยเช่นกัน โดยผู้เสียหายเป็นคนทำการเพิ่มเพื่อนด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดที่คนร้ายส่งมาให้ พบว่ารูปโปรไฟล์เป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันจริง จากนั้นได้มีการพิมพ์ข้อความสนทนาผ่านช่องทางแอปพลิเคชันไลน์กับคนร้ายจนเกิดความสนิทสนมและไว้เนื้อเชื่อใจ นอกจากนั้น ผู้เสียหายได้มีการโทรพูดคุยผ่านไลน์และวิดีโอคอลกับคนร้ายหลายครั้ง จากนั้นคนร้ายได้ชักชวนผู้เสียหายทำการลงทุน โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนซื้อหุ้นเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยคนร้ายได้ ส่งลิงก์มาให้ผู้เสียหาย ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของผู้เสียหาย จากนั้นผู้เสียหายได้กดลิงก์เข้าไปดู พบว่าเป็นแอปพลิเคชันแอปหนึ่ง ผู้เสียหายหลงเชื่อและทำการโอนเงินลงทุน จำนวน 45 ครั้ง โดยโอนเงินไปบัญชีคนร้ายกว่า 25 บัญชี เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย มูลค่าเกือบ 46 ล้านบาท ซึ่งครั้งแรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่หลังจากที่มีการลงทุนไปนั้น คนร้ายจะใช้กลวิธีคุยหลอกล่อใจให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่มแต่ไม่ได้รับตอบแทน และไม่สามารถติดต่อกับคนร้ายได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงให้ได้รับความเสียหาย โดย พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับกลุ่มเจ้าบัญชีที่ใช้รับโอนเงินของผู้เสียหายดังกล่าว
ต่อมา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 ทาง บก.ปอท. ได้เปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam ทลายแก๊ง หลอกรักลวงลงทุน” โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 20 ราย ยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 208 รายการ อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี ซิมโทรศัพท์ บัตรประชาชนของบุคคลอื่น สลิปฝากเงินสด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังจากการจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ายังมี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีอีกหลายราย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป. ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา
จากการสืบสวนทราบว่า นายราชาฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งมีหน้าที่เป็นบัญชีม้ารับเงิน ได้หลบหนีมาอยู่ที่ บ้านหลังหนึ่ง ม.5 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย ต่อมา พ.ต.ต.อาธิรัตน์ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ลงพื้นที่สืบสวน และทำการจับกุมตัวนายราชาฯ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน