จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2568 เกิดเหตุมีแก๊งลักขโมยหมอแปลงไฟฟ้าและตัดสายไฟฟ้า ตามโรงสูบน้ำประปาประจำหมู่บ้านหายเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาทำให้ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค โดยแก๊งดังกล่าวยังได้ตะเวนขโมยบหมอแปลงและตัดสายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเสียหายไปแล้วหลายล้านบาท
ต่อมา เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 68 หลังพล.ต.ต.สุจริต ปาณเล็ก ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้รับรายงานได้เรียกประชุม ผกก.หัวหน้าสถานีทุกสถานี ทั้ง 11 สถานีที่เกิดเหตุได้ เข้าร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้าและแบตลิเธียมเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ให้ติดตามจับกุมแก๊งลักทรัพย์ขโมยตัดสายไฟฟ้าและหมอแปลงในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างถนน และแบตลิเธียมเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่สถานีตำรวจฯที่มีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นการเร่งด่วน พร้อมเร่งรัดและกำชับการดำเนินการให้ทุกสถานีตำรวจนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด
ล่าสุด วันที่ 19 ก.พ. 68 พล.ต.ต.สุจริต ปาณเล็ก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังจังหวัดชัยภูมิได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.วัฒนชัย มณฑีรรัตน์ ผกก.สืบสวนฯและพ.ต.อ.รัตนพล ธูปแก้ว ผกก.บ้านเขว้า ได้รับรายงานจากชุดสืบสวนทั้ง 2 ชุด ว่าได้จับกุมตัวนายวีระชัย โตกา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 211 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ และมาอยู่กินกับภรรยาอยู่ บ้านโนนพวง ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ที่พฤติกรรมค้ายาบ้าและลักเล็กขโมยน้อย อยู่ในพื้นที่ อำเภอบ้านเขว้า มาดำเนินคดี
นอกนั้น ผู้ต้องหายังรับสารภาพว่า ได้รวมกับนายสุทัศ (ไม่ทราบนามสกุล) เพื่อนรวมแก๊ง ที่ได้กระโดดลงจมหายไปในสายแม่น้ำชี เพื่อหลบหนีแต่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเสียชีวิตหรือไม่ หลังนำตัวนายนายวีระชัย โตกา หัวหน้าแก๊ง มาสอบสวน โดยผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเสพยาบ้าจนติดงอมแงะและผันตัวมาเป็นผู้ค้าขายยาบ้าในพื้นที่เกิดเหตุ ก่อนถูกจับได้รวมกันกับนายสุทัศน์ เพื่อนรวมแก๊ง พากันออกขับจยย.ออกตะเวนขโมยตัดสายไฟฟ้าตามหมู่บ้านต่างๆทั้งในอำเภอบ้านเขว้า อ.หนองบัวระเหว อ.วับใหญ่และอำเภอเมืองชัยภูมิ ไปขายเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงดูครอบครัว
หลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจะได้ขยายผลติดตามจับกุมเพื่อนรวมแก๊งมาดดำเนินคดีต่อไป ก่อนตั้งข้อหาความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปและใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป
ผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ รายงาน