จากกรณีที่ นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับหลังเลิกงานจากผับแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าเขาถูกติดตามโดยรถกระบะสีขาวและรถเก๋งสีดำ ก่อนขาดการติดต่อในช่วงเวลาประมาณ 03:54 น. โดยได้โทรศัพท์พูดคุยกับหญิงสาวชื่อ “น.ส.นิตยา” พร้อมพูดว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ก่อนสายจะตัดไป
จากนั้นครอบครัวและแฟนสาวแจ้งความตามหาทันที จนมีการระดมกำลังค้นหาจากหลายหน่วยงาน
กระทั่ง วันที่ 18 พฤษภาคม เวลา 09.30 น. ชาวบ้านบ้านทุ่งนานางหรอก หมู่ 3 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี แจ้งตำรวจพบศพชายต้องสงสัยในป่าละเมาะห่างจากจุดที่ดีเจเตเต้ถูกอุ้มไปราว 20 กิโลเมตร
ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า พร้อมทีมสืบสวนภาค 7 เข้าตรวจสอบ พบศพชายสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกไนล่อนสีเขียว ศพเริ่มบวมอืดและส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ยืนยันภายหลังว่าเป็นร่างของดีเจเตเต้
การสืบสวนพบหลักฐานสำคัญจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคล ระบุว่า รถเก๋งสีดำต้องสงสัย ถูก นายนพพิจิตร หรือ “นายเหลือบ” นำไปจอดซ่อนไว้ที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยอ้างว่ารถเสีย ก่อนมีรถมารับตัวต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมโพธาราม
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถ พบว่ามีการล้างทำความสะอาดเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายใน แต่กล้องหน้ารถยังบันทึกภาพขณะขับเข้าไปในป่ารก ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมโยงสู่การพบศพในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกัน ตำรวจได้สอบปากคำ นายวิกูล (กูล) และ นายธนเดช (กิ่ง) ซึ่งเป็นคนขับรถกระบะสีขาวที่ประกบรถของดีเจเตเต้ในวันเกิดเหตุ ทั้งคู่ให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้ม
ต่อมา ปมเบื้องหลังคดีเริ่มกระจ่าง เมื่อพบว่า ดีเจเตเต้มีความสัมพันธ์กับ นางสาวน้ำ ซึ่งเป็นแฟนของ นายมุ้ย พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในกาญจนบุรีที่มีหมายจับติดตัว นายมุ้ยเคยพยายามส่งคนไปเตือนให้เลิกยุ่ง แต่ไม่เป็นผล คาดว่าเป็นชนวนเหตุสำคัญที่นำไปสู่การวางแผนอุ้มฆ่า โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุทำกันเป็นขบวนการ
