วันที่ 14 พ.ค. 2568 มีรายงานว่า จากกรณีมูลนิธิร่วมกตัญญู รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีผู้พบเห็นตัวเงินตัวทองกำลังกินร่างเด็กทารกแรกเกิด บริเวณห้องเช่า ท้ายซอยกิ่งแก้ว 28 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยคาดเด็กถูกนำมาทิ้งเสียชีวิตมากกว่า 2 วัน โดยอยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวชมาตรวจสอบ ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. ร.ต.อ.สัณหวัช แก้วดวงศรี รองสว.(สอบสวน) สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งเหตุ พบซากศพทารกถูกตัวเงินตัวทองกัดกินบริเวณด้านหลังห้องเช่าไม่มีชื่อ ท้ายซอยกิ่งแก้ว 28 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ พร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าของแรงงานต่างด้าว เป็นห้องแถวชั้นเดียวยกพื้นสูง ด้านล่างมีน้ำท่วมขัง พื้นที่ด้านหลังเป็นป่าปรือ พบซากศพทารกไม่ทราบเพศ ถูกทิ้งไว้ในบริเวณดังกล่าว สภาพศพเหลือเพียงศีรษะและใบหน้าเท่านั้น ส่วนล่างของร่างกายคาดว่าถูกตัวเงินตัวทองกัดกิน เนื่องจากพยานในที่เกิดเหตุเล่าว่า พบเห็นตัวเงินตัวทองพยายามลากร่างของเด็กทารก และยังคงวนเวียนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง โดยมีความพยายามที่จะเข้ามาฉกร่างทารกแรกเกิดรายนี้ไปรับประทานต่อ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคอยยืนถือไม้คอยไล่ไม่ให้ตัวเงินตัวทองตัวนี้ ซึ่งคาดว่ามีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัมจะเข้ามาเอาร่างเด็กทารกลงน้ำไป โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการกั้นพื้นที่และเฝ้าระวังซากศพทารก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเงินตัวทองเข้ามาทำลายหลักฐานเพิ่มเติม
จากการสอบถาม นาย ออง ออง อุ อายุ 19 ปี ชาวเมียนมา เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตอนนั้นตนเห็นศพของเด็กไม่มีมือแล้ว แต่ตัวยังอยู่ หัวยังอยู่ โดยก่อนเกิดเหตุ ตนนอนอยู่ก็คิดว่าปลามันจะขึ้นเพราะฝนมันตกจึงออกมาดูนอกห้องด้านหลังห้องแถว แต่พอดูไปดูมาไม่ใช่ปลา แต่เห็นเป็นร่างของเด็ก จึงรีบวิ่งไปตามคนให้มาช่วย เมื่อกลับมาพบว่าตัวเงินตัวทองกำลังคาบซากเด็กทารกวิ่งไปทางป่าหญ้าข้างกำแพงจึงช่วยกันไล่ตัวเงินตัวทองให้หนีไป
นายสิทธิพล โภควรรณวิทย์ เจ้าของห้องเช่าที่เกิดเหตุ เล่าว่า แถวนี้ตัวเงินตัวทองเยอะ แต่มันกลัวคน ถ้าเห็นคนมาก็จะหนีแล้ว ตอนที่มีคนเห็น ก็เห็นว่าตัวเงินตัวทองเหมือนคาบอะไรบางอย่างมาจากอีกฝั่ง จึงรีบมาแจ้งตนและผู้เกี่ยวข้องให้เข้ามาที่เกิดเหตุ โดยห้องเช่าของตนส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายเข้ามาเช่าอาศัย และช่วงไม่กี่วันมานี้สังเกตเห็นว่ามีแรงงานต่างด้าวที่เพิ่งคลอดลูกออกมาได้ไม่กี่วัน แต่ก็มีหลายคนเช่นกันจึงต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าห้องไหนและลูกที่คลอดออกมายังอยู่ปกติหรือไม่ ด้านนายนภัทร กลมเกลี้ยง เจ้าหน้าที่ น.เขต มูลนิธิร่วมกตัญญู นคร 68 บอกว่า จากการตรวจสอบสภาพศพ เป็นทารกแรกเกิดที่ครบกำหนดคลอดออกมาแล้ว
ซึ่งมีร่างกายที่สมบูรณ์ แต่ขณะนี้เหลือเพียงศีรษะและอวัยวะบางอย่างเท่านั้น หลังจากนี้จะนำร่างส่งไปยังนิติเวชรามาจักรกรีนฤบดินทร์ เพื่อตรวจเก็บ DNA ให้ทางตำรวจติดตามแม่ใจยักษ์มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามหาตัวผู้เป็นแม่ หรือผู้ที่นำทารกมาทิ้งไว้ และหาสาเหตุของการเสียชีวิตต่อไป เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก และมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่โหดร้ายดังกล่าว.