พ.ต.อ.สมโภช ทองมูล ผกก.มีนบุรี เผยถึงความคืบหน้าในคดี น.ส.วรวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ที่ออกตามสามี นายบาส (สงวนชื่อนามสกุล) โดยหายไม่กลับมานอนบ้าน ก่อนเจอสามีอยู่กับเมียน้อย หรือ น.ส.พจนารถ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ที่รีสอร์ต จนแค้นทั้งตบกระทืบเจ็บหนัก สุดท้ายไปสิ้นใจที่โรงพยาบาลฯ ยืนยันว่าดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว ทั้งการควบคุมตัวไปนำชี้เพื่อประกอบสำนวนคดี รวมถึงแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” โดยจะนำตัวส่งศาลฝากขังภายในวันนี้ซึ่งท้ายคำร้องไม่คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากทางผู้ก่อเหตุมีความสำนึกผิด สืบเนื่องจากหลังจากเกิดเหตุได้เดินทางมามอบตัวในทันที อีกทั้งผู้ก่อเหตุอยู่ในภาวะตั้งครรภ์อายุครรภ์ได้ 8 เดือน และไม่มีท่าทีจะหลบหนี จึงมีเหตุผลเพียงพอที่จะไม่คัดค้านการประกันตัว
ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากการสอบปากคำประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าเกิดเหตุเมื่อวานนี้ (20 เม.ย. 2568) เวลาประมาณ 07.00 น. บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี พบว่าทางผู้ก่อเหตุเดินทางไปกับเพื่อนชาย (สาวประเภทสอง) เพื่อจะไปตามหาสามีหลังสืบทราบว่าน่าจะมีการมาใช้บริการร่วมกับหญิงคนใหม่ในรีสอร์ทที่เคยไปกับตัวเอง
โดยเมื่อเดินไปถึงก็พบว่าทั้งคู่อยู่ภายในห้องพักในรีสอร์ทจริง จึงเกิดบันดาลโทสะทั้งมีปากเสียงพร้อมกับลงมือทำร้ายร่างกายผู้บาดเจ็บ ตรงบริเวณภายนอกห้องพัก ด้วยการตบที่ใบหน้าจนผู้บาดเจ็บล้มลง หลังจากนั้นใช้เท้ากระทืบทั้งศรีษะ ทั้งกระทืบเข้าที่หน้าอก จนหัวกระแทกกับพื้นและประกอบกับการใช้เวลาในการก่อเหตุนานถึง 5 นาที ทำผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส และในขณะนั้นระหว่างการก่อเหตุแม้จะมีเพื่อนของผู้ก่อเหตุรวมถึงพนักงานของรีสอร์ทเข้าไปห้ามปราม แต่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เนื่องจากตัวผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการโกรธแค้น มิหนำซ้ำบุคคลที่เข้าไปห้ามก็ยังถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย
ส่วนตัวของสามี ยังคงปิดประตูอยู่ภายในห้องพัก ไม่ได้ออกมาห้ามหรือให้การช่วยเหลือ เนื่องจากเกรงว่าตัวเองจะถูกภรรยาคนแรกทำร้ายเพราะตัวเองทำผิดและรู้ดีว่าภรรยาคนแรกมีอารมณ์รุนแรง
กระทั่งได้ยินเสียงของภรรยาคนที่สอง ร้องขอความช่วยเหลืออย่างโอดครวญ สามีจึงออกมาจากห้องพักพร้อมกับเห็นว่าภรรยาคนที่สองอาการสาหัสจึงช่วยประคองตัวรีบนำส่งโรงพยาบาล
สำหรับความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2568 หลังจากที่ภรรยาคนแรก ซึ่งเป็นภรรยานอกสมรส จับได้ว่าสามีของตัวเองมีภรรยาอีกคน ทำให้ได้ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มาร้องขอความเห็นใจในฐานะผู้หญิงด้วยกัน และเจรจากับภรรยาคนที่สองให้ยุติความสัมพันธ์ เพราะว่าตัวเองมีครรภ์
โดยหลังจากนั้น วันที่ 19 เม.ย. 2568 ก็ไม่สามารถติดต่อสามี และไม่พบว่าทั้งสองคนออนไลน์ในโซเชียลมีเดีย จึงเชื่อว่าทั้งคู่น่าจะอยู่ด้วยกันในสถานที่ที่คาดเดาเอาไว้ ซึ่งก็เป็นรีสอร์ทที่ตัวเองเคยมามีสัมพันธ์กับสามี
ส่วนบรรยากาศที่สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี ผู้กำกับการฯ สน.มีนบุรี ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังของสถานีตำรวจ ท่ามกลางความโศกเศร้า เนื่องจากทางผู้ก่อเหตุเอาแต่ร้องไห้ต่อหน้าผู้กำกับการนครบาลมีนบุรีและแจ้งความประสงค์ว่า อยากกลับบ้าน เนื่องจากตัวเองตั้งครรภ์ 8 เดือน โดยมีบรรดาญาติพยายามเดินทางเข้าเยี่ยม แต่เนื่องจากหมดเวลาเยี่ยมทำให้ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ พร้อมชี้แจงข้อมูลผ่านสื่อมวลชนว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทำให้ผู้บาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิต แต่เป็นเพราะความโกรธและโมโห ที่เห็นภาพบาดตาสามีตัวเองอยู่กับหญิงอื่นในลักษณะเปลือยกาย อีกทั้งภายหลังทำร้ายผู้บาดเจ็บ จนพบว่ามีอาการสาหัส ผู้ก่อเหตุและเพื่อนจึงช่วยกันอุ้มขึ้นวินจักรยานยนต์รับจ้างนำผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ยืนยันคนที่นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลไม่ใช่พลเมืองดีที่ไหนแต่ก็เป็นญาติและเป็นผู้ก่อเหตุ
ในขณะที่ นายนพคุณ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี พร้อมด้วย นายไก่ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี พ่อและสามีของนางสาวพจนารถ ผู้เสียชีวิต เดินทาง มาติดตามความคืบหน้าทางคดีที่สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตัวเองไม่สามารถรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากมันรวดเร็วเกินไป อีกทั้งมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลางสังหรณ์ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2568 ยังได้คุยกับลูกสาว เรื่องการเงินใช้จ่ายภายในครอบครัว เพราะทราบดีว่าลูกสาวและลูกเขย ต้องมีหน้าที่ดูแลลูก (หลาน) และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เนื่องจากบางครั้ง ลูกสาวไม่พอใช้ก็มีการหยิบยืมเงินจากตนเองอยู่เรื่อยมา
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่ได้ติดใจเพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงหันมาทำอาชีพพนักงานต้อนรับ (PR) ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช ซึ่งทำได้ไม่นาน ส่วนความสัมพันธ์กับชายอื่น ตนเองไม่ทราบในรายละเอียดเนื่องจากว่าลูกสาว มีครอบครัวอยู่แล้ว และยังคงรักกันดีอยู่
ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ตนเองในฐานะพ่อและเป็นผู้ชายคนหนึ่งก็รับไม่ได้หากลูกสาวไปแย่งผู้ชายของคนอื่นหรือทำให้ครอบครัวแตกแยก ในเรื่องชู้สาว ตรงนี้ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ต้องแยกระหว่างคดีผู้ก่อเหตุกระทำกับลูกสาว มันมีความโหดเหี้ยมเนื่องจากผู้ก่อเหตุ ตั้งครรภ์ถึง 8 เดือนแต่ มีความโหดร้าย มีแรงที่ทำร้ายร่างกายคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงลูกภายในครรภ์ของตัวเอง ซึ่งย้ำว่าเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างถึงที่สุดไม่มีการยอมความ
ด้านนายไก่ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่สถานีตำรวจหลังได้รับคำนัดหมายจากฝ่ายชาย (นายบาส) ให้มาร่วมกันให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในเวลา 9 โมงเช้าของวันนี้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวฝ่ายชาย ที่นัดหมายกันเอาไว้ แต่พบเพียงกลุ่มญาติของผู้ก่อเหตุ ซึ่งตกใจ เนื่องจากไม่รู้จักกันมาก่อน และมีเพียงเพื่อนชายของผู้ก่อเหตุ (สาวประเภทสอง) ที่อยู่ในเหตุการณ์และไปพบกันที่โรงพยาบาล ได้พูดคุยกับตนเองว่าทางฝ่ายชาย จะมีการเยียวยาในเรื่องของค่าทำศพแต่ไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุทางญาติของผู้ก่อเหตุไม่ได้พูดถึง เพียงแต่ยกมือไหว้สวัสดีทักทายกันเท่านั้น
ซึ่งนายไก่ย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงจนทำให้ภรรยาของตัวเองถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาทราบว่าทางภรรยาไปทำงานเป็นสาว PR ได้เพียงหนึ่งเดือน และแต่ละวันก็จะพบลูกค้าผู้ชายเข้ามาติดพันโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้นึกเอะใจว่าเป็นชายที่ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตามที่ปรากฏเป็นข่าว อีกทั้งช่วงเวลาการใช้ชีวิตไม่ตรงกัน เนื่องจากตนเองทำงานในช่วงกลางวันส่วนแฟนสาวทำงานในช่วงกลางคืน
จนกระทั่งวันเกิดเหตุทราบว่าแฟนสาวออกจากร้านในช่วง 04:00 น. พร้อมเพื่อนร่วมงาน และมีการเรียกโบลท์ โดยไปสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่ทราบว่าไปไหน จนมาทราบเหตุการณ์และพบว่าแฟนสาวมาเจอกับนายบาส ในรีสอร์ทที่เกิดเหตุ และส่วนตัวในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง และเป็นสามี รับไม่ได้เช่นเดียวกันหากพบว่านายบาส มีความสัมพันธ์กับภรรยาของตนเอง ประกอบกับก็เป็นผู้ชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว ตั้งคำถาทถ้าเป็นคุณนักข่าวเจอแบบนี้จะรับได้ไหม ใจก็อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแต่ก็นึกถึงลูกของตัวเองรวมไปถึงนึกถึงฝ่ายหญิง อีกคนที่มีลูกอยู่ในครรภ์เช่นเดียวกัน