วันที่ 12 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ท. นำโดยนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พร้อมด้วย พ.ต.ท. สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. น.ส.ชิยา ศิริรักษ์ ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 4 พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริง กรณีจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศทิพย์ ของ กทม. ณ อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ย่านราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหาข้าราชการ ในสังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จำนวน 7 ราย ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และผู้ต้องหาอีก 1 ราย ถูกจับกุม ณ บริเวณด้านหน้าที่พักอาศัย
สืบเนื่องจาก สตง. ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสารพบว่า หน่วยราชการดังกล่าวมีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าวในห่วงระหว่างปี พ.ศ.2565 – 2567 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหา ทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของบริษัทซ่อมรถ ทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสารเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ
สตง. จึงส่งเรื่องให้สำนักงาน ป.ป.ท. ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง และกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจพบการกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมการกระทำความผิด จำนวน 28 ครั้ง หรือ 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมเป็นเงินที่มีการทุจริตทั้งสิ้น จำนวน 2,790,748 บาท (สองล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นเจ็ดร้อยสี่สิบแปดบาท) และต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.กก.1 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จนนำมาสู่การบูรณาการเข้าบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน ระหว่าง ป.ป.ท. บก.ปปป. ป.ป.ช. และ สตง. ในวันนี้
ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ความผิดดังกล่าว เกิดจากการกระทำส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต้นสังกัด
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน