กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายคุณวุฒิฯ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 388/2567 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2567
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อนตน หรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด สามารถจับกุมได้ที่ หน้าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถนนกำแพงเพชร แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากช่วงเดือน กรกฎาคม 2567 ผู้เสียหายอายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ได้รับโทรศัพท์ของคนร้ายซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี แจ้งว่าบัญชีของผู้เสียหาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวไว้ ให้ผู้เสียหายโอนเงินไปตรวจสอบ พร้อมทั้งข่มขู่ไม่ให้บอกใคร ให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนในไลน์ของ สภ.เมืองราชบุรี มีการเปิดกล้องคุยกับผู้ชายใส่เครื่องแบบตำรวจสวมหน้ากากอนามัย อ้างเป็นผู้กำกับสภ.เมืองราชบุรี และส่งหมายศาลและข้อมูลคดีต่างๆ มาให้ดูทางไลน์ โดยในหมายที่คนร้ายส่งมาให้นั้นมีข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย เช่น เลขบัตรประจำตัวประชาชน และชื่อนามสกุล ถูกต้อง ดูน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินในบัญชีของตนที่มีจำนวน 13,143 บาท ให้กับคนร้ายเพื่อตรวจสอบตามที่คนร้ายอ้าง
คนร้ายข่มขู่ให้โอนเงินไปเพิ่มอีก ผู้เสียหายแจ้งไปว่าโอนไปหมดบัญชีแล้ว คนร้ายอ้างว่าตรวจสอบแล้วรู้ว่ามารดาผู้เสียหายมีเงิน ให้โทรไปขอเงินมารดาเพื่อโอนให้คนร้าย ด้วยความกลัวผู้เสียหายจึงได้ขอเงินจากมารดา แล้วโอนไปให้คนร้ายอีก 3 ครั้ง 140,000 บาท, 330,000บาท และ 20,000 บาท รวมทั้งสิ้น 503,143 บาท โดยการโอนเงินไปแต่ละครั้งพบว่าบัญชีปลายทางที่รับโอนเป็นคนละบัญชีกัน
ภายหลังผู้เสียหายทราบว่าไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้นตามที่ถูกข่มขู่ มั่นใจว่าถูกหลอก จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ดำเนินคดีกับคนร้ายกลุ่มนี้ พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้เปิดบัญชี จำนวน 3 ราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ได้จับกุมผู้เปิดบัญชีรับโอนเงินในคดีนี้ได้ 1 ราย คือนายคุณวุฒิฯ หนึ่งในผู้เปิดบัญชีม้า นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ดำเนินคดี และจะได้ติดตามตัวผู้กระทำผิดที่เหลือมาลงโทษต่อไป
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายคุณวุฒิฯ ผู้ต้องหา ให้การว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีม้าจริง ค่าจ้างเปิดบัญชี 3,00 บาท โดยมีเพื่อนติดต่อให้เปิดบัญชีม้าให้กับแก๊งพนันออนไลน์ ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วเปิดให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์ เนื่องจากต้องสแกนใบหน้าเวลาโอนเงิน เมื่อเปิดเบอร์แล้วจะมีทีมงานรับตัวข้ามไปฝั่งเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้าพักในอาคารหลังหนึ่ง ภายในพบแต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกลุ่มจีนเทาอยู่ทั้งอาคาร ตนพักได้ 3 วัน บัญชีม้าถูกอายัด มีผู้นำกลับมาส่งที่ฝั่งไทย ให้เงินมา 1,500บาท อ้างว่าหักเป็นค่าที่พักและค่าอาหาร ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่ามีหมายจับ
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน