หนุ่ม ถูกลูกนักการเมือง ตีกะโหลกยุบ ซึ้งใจได้รับเงินบริจาค เผยชีวิตลำบาก

หนุ่ม ถูกลูกนักการเมือง ตีกะโหลกยุบ ซึ้งใจได้รับเงินบริจาค ที่ผ่านมา คู่กรณีไร้การเยียวยา ชีวิตลำบาก เสียค่ารักษาเป็นล้าน มองเรื่องแปลกผู้เสียหายช่วยกันเอง

วันที่ 27 เม.ย.2568 ที่ศูนย์พักพิงมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง และทีมงาน ได้เดินทางมาพร้อมกับหนุ่มผู้เสียหายเมื่อ 10 ปีก่อน ถูกลูกนักการเมืองเอาไม้ฟาดจนกะโหลกยุบ เพื่อมารับเงินรักษา 100,000 บาทจากครอบครัวของคุณตาคุณยาย

หนุ่มผู้เสียหาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากฝั่งคู่กรณีเลย ตนต้องดูแลตัวเอง ทั้งเรื่องของการขึ้นศาลในการสู้คดี และค่ารักษาพยาบาลที่ต้องควบคู่กันไป ซึ่งตนสูญเสียเงินรักษาไปเกินล้านบาท เพราะเป็นการรักษาทางสมองอย่างต่อเนื่อง รวม 2 ปีกว่า ๆ ได้ และมีการกายภาพบำบัดต่อ ส่วนเงินที่นำมารักษาตัวเองก็เป็นเงินจากทางพ่อแม่ของตน สวัสดิการจากพ่อ

หนุ่ม ถูกลูกนักการเมือง ตีกะโหลกยุบ ซึ้งใจได้รับเงินบริจาค ที่ผ่านมา คู่กรณีไร้การเยียวยา ชีวิตลำบาก เสียค่ารักษาเป็นล้าน มองเรื่องแปลกผู้เสียหายช่วยกันเอง

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ตนเจอ มันกระทบกับชีวิตของตนอย่างมาก เพราะว่าอนาคตของตนเปลี่ยน จากที่ตนต้องเรียนจบตามเพื่อน ต้องออกมารักษาตัวเองอีก 1 ปี และต้องมาเรียนทางลัดเอง

หลังจากนี้ตนก็ยังคงดำเนินเรื่องตรงนี้ต่อ อยากให้คู่กรณีรู้สึกว่าเขาควรจะรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่กับตน แต่ควรรับผิดชอบกับทุกคนที่เขาได้กระทำไปจากใจจริง ๆ ปัจจุบันตอนนี้ ตนก็ยังเห็นภาพเดิม ๆ ที่ตนเคยเห็น

แต่ตนก็ยังไม่เห็นการรับผิดชอบจากใจจริงของเขาขึ้นมาเลย หลังจากที่เป็นประเด็นล่าสุดนี้มา ยังไม่มีการข่มขู่อะไรเข้ามาจากทางฝั่งคู่กรณี ไม่มีการติดต่ออะไรมา เงียบหายไป ส่วนที่คู่กรณีอ้างว่า เขาเองรับโทษไปแล้ว ในความเห็นของตนนั้น รู้สึกว่า มันไม่ยุติธรรมกับตนอยู่ดี

หนุ่ม ถูกลูกนักการเมือง ตีกะโหลกยุบ ซึ้งใจได้รับเงินบริจาค เผยชีวิตลำบาก

เนื่องจากเขาก็ไปรับโทษช่วงเวลาสั้น ๆ เวลาแค่ปีสองปี เขาก็ออกมาทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มีการรับผิดชอบอะไรเพิ่มเติม แต่ชีวิตของตนมันโดนมากกว่านั้นเยอะ

ส่วนครอบครัวคุณลุงคุณป้านั้น ตนก็ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือตนในวันนี้ ตนไม่รู้จะพูดยังไง รู้สึกซึ้งใจจริง ๆ และขอให้คุณลุงคุณป้าหายในเร็ววัน แล้วก็อยากจะฝากพี่กันให้อยู่ดูแลคู่คุณลุงคุณป้าไปเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ เงินที่ตนได้รับมาจากคุณลุงคุณป้า 100,000 บาทนั้น ตนก็จะเอาไปตรวจเช็กร่างกายของตัวเองก่อนในระดับหนึ่ง เพราะตอนนี้เป็นการรักษาตามอาการที่เป็น ไม่ได้รักษาเฉพาะทาง เนื่องจากต้องทำงานด้วย ไม่มีเวลา และค่ารักษาก็ค่อนข้างสูง

ตอนที่ตนทราบว่าจะได้รับเงินบริจาค ก็นั่งคิดมาทั้งคืนเลยว่า ความจริงเงินส่วนนี้ตนควรจะรับด้วยซ้ำไปหรือเปล่า เนื่องจากไม่ใช่เงินในส่วนที่ตนควรจะต้องได้จากคู่กรณี มันเป็นเงินที่เขาช่วยเหลือคุณลุงคุณป้ามาอีกที

ความจริงสังคมไทยไม่ควรจะมาถึงขั้นนี้ เงินนี้ควรจะมาจากคู่กรณีที่กระทำผิด มันไม่ควรมาถึงขั้นตอนที่ประชาชนต้องมาช่วยเหลือกันเองขนาดนี้ การที่ผู้เสียหายต้องมาช่วยเหลือผู้เสียหายด้วยกันเอง ตนมองว่ามันผิดแปลกไปหมด

Leave a Comment