อนุทิน รับสนิทผู้ว่าฯ สตง. เป็น 10 ปี แต่ไม่มีการช่วยเหลือปมตึกถล่ม ลั่นแม้ช่วยได้ก็ไม่ช่วย ซัดเพจฯเผยข่าวเท็จ แย้มเจ้าตัวเครียด แต่ไม่ได้ลงนามสัญญา เหตุเพิ่งมารับตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเพจดัง โพสต์ภาพความสนิทสนมของนายอนุทิน กับ นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และตั้งข้อสังเกตถึงการสอบสวนเรื่องตึก สตง.ถล่ม โดยยอมรับว่า สนิทสนมกับนายมณเฑียร จริง เป็นเพื่อนรักกันสนิทกันมา 10 กว่าปีแล้ว เพราะเรียนหลักสูตร วปอ.ด้วยกัน ตนเป็นประธานรุ่น และนายมณเฑียร เป็นเลขารุ่น จึงเป็นเรื่องปกติ แต่ข้อมูลที่บอกว่ามีการช่วยเหลือกันเรื่องตึก สตง. ถล่ม ข้อมูลเท็จ เป็นการนั่งเทียนเขียนข่าว
“ความเป็นเพื่อนกันไม่รู้จะทำอย่างไร ก็รู้จักกันมาก่อน แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม อาคารหลังนี้ท่านมณเฑียร เจริญผล ไม่ได้เป็นคนลงนามสัญญา เพราะท่านเพิ่งเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ สตง. ไม่ถึงครึ่งปี เพิ่งจะโปรดเกล้าฯ เมื่อสิ้นปีที่แล้ว อาคารก็จะเสร็จอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกัน พยายามขอให้ให้ข้อมูลบนพื้นฐานความเป็นจริง แล้วดูรูปที่ไปลงแต่ละรูป กี่ปีแล้ว ตั้งแต่ตายังไม่มีรอยตีนกาเลย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยืนยันว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วมีความผิด ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ การสอบสวนทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา และนี่คือเหตุผลที่คณะกรรมการสอบสวน มีแต่ตัวแทนจากสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่มีทางที่จะชี้นำหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ต่อให้ทำได้ ก็ไม่ทำ ตึกถล่มลงมาขนาดขนาดนี้ จะคิดไปช่วยเหลือคนผิดมันทำไม่ได้อยู่แล้ว การเขียนข่าวต้องให้มีข้อเท็จจริง
ส่วนถ้ามีอะไรพาดพิงจะฟ้องร้องหรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า ไม่รู้จะไปฟ้องทำไม เรื่องแค่นี้ และยืนยันว่าเป็นเพื่อนกันจริง แต่เรื่องความช่วยเหลือไม่มี ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับนายมณเฑียร เมื่อวานก็คุย ในไลน์กลุ่มพวกเราทุกคนก็เห็นว่ามันไม่ใช่ข้อเท็จจริง
นายอนุทิน ยังบอกด้วยว่า เท่าที่คุยกับนายมณเฑียร เจ้าตัวเครียด เพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ก็เกิดเหตุการณ์ พร้อมย้ำว่ากระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง มีหน้าที่สอบว่าทำไมตึกถึงถล่ม มีข้อผิดพลาดในการก่อสร้างอย่างไร ไม่ได้มีหน้าที่สอบที่มาที่ไปของตึกว่ามีทุจริตหรือฮั้วกันหรือไม่ เพราะอันนี้เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เขาจะดูเรื่องของสัญญา
