ร้านแบรนด์เนม รับฝากสร้อย บุลการี แจ้งความ ดิว อริสรา ข้อหาฉ้อโกง แจงสาเหตุให้ราคาต่ำกว่าราคาจริง ขออย่าใช้สื่อกดดันคืนของ จี้ ดาราสาวบินกลับมาเจรจา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 มี.ค.2568 ที่สน.ปทุมวัน นายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือ ทนายอ๋อง พา น.ส.ณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ตัวแทนบริษัทแบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ หรือ ดิว ข้อหาฉ้อโกง เอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง ทำให้ได้ไปซึ่งสินเชื่อจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนพาผู้รับมอบอำนาจบริษัทแจ้งความฉ้อโกง เนื่องจากดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ เป็นผู้เอาสร้อยคอขายฝากบริษัทอ้างว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้ได้เงินสินเชื่อ ปกปิดข้อเท็จจริงให้ได้เงินดังกล่าว ไม่ได้มีการร่างสัญญาใช้สิทธิตามกฎหมายแล้วว่าบริษัทได้รับความเสียหายถูกหลอกทรัพย์สินเป็นของลูกหนี้ดังกล่าว
โดยมีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.2567 จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังการทำธุรกรรมไม่ต้องทำแต่เฉพาะหน้า มีการยืนยันตัวตนผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ
ประเด็นเรื่องการคืนสินค้านั้น ขอให้เป็นเรื่องหลังจากนี้ อยู่ในกระบวนการของกฎหมาย กระบวนการบริษัทรับมาเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นของ น.ส.อริสรา ส่วนราคาถูกไปหรือไม่ กรณีดังกล่าวทางบริษัทพิจารณาตีเป็นของมือสอง เป็นราคารับฝากสินค้าได้สินเชื่อ 7 ล้านบาท เผื่อให้เจ้าของถ่ายสินค้าคืนได้
น.ส.อริสรา มีการส่งดอกเบี้ยจำตัวเลขไม่ได้ บริษัทใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนแต่ดอกเบี้ย ส่งตรงตั้งแต่ส.ค. สิ้นสุดประมาณเดือนมี.ค. ส่งโอนด้วยตัวเอง การเซ็นรับสภาพหนี้ต้องดูสัญญาว่าเป็นหนี้ไหม แต่เป็นการหลอกลวงตั้งแต่แรกต้องคุยกันเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีแพ่ง
ยืนยันไม่ได้คุยรายละเอียดรับสภาพหนี้ แต่ขอทำการร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ยืนยันว่า การแจ้งความคือการดำเนินคดีไม่ได้กดดัน แต่หากมีขั้นตอนการเจรจาการพูดคุยแก้ไขเกิดขึ้นเจ้าตัวควรบินกลับมาไทย ควรเป็นรูปแบบนั้น ซึ่งขณะนี้เงินต้นค้างยังคงค้างไว้เต็มจำนวน
ส่วนประเด็นการรับของโจรนั้น ต้องพิจารณาตั้งแต่วันแรกว่ารู้เหรือไม่ว่าไม่ใช่ของน.ส.อริสรา ถ้ารู้ว่ากระทำความผิดไม่ใช่โดยที่ไม่ใช่เจ้าของถือว่าผิด แต่ยืนยันทางบริษัทไม่ทราบว่าเป็นของคนอื่นแต่อย่างใด กรณีน.ส.อริสรา มีความสัมพันธ์เจ้าของเดิมนั้น มีความสัมพันธ์ให้ยืมของกันด้วย ข้อกฎหมายกับบริษัทรับของโจรไปไม่ถึง
กรณีนี้เป็นกรณีแรกบริษัท ถ้าเจ้าของอยากรับของคืน ต้องให้น.ส.อริสราเข้ามาคุยกัน 3 ฝ่าย คดีเพียงแค่นี้ทำให้เสียหายนิติกรรมตัวนี้เท่านั้น ไม่ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องแต่อย่างใด ส่วนเอกสารนำเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวน มีหนังสือรับรองบริษัท หนังสือมอบอำนาจ มอบทางตัวแทน สัญญา 4 ฉบับ ภาพถ่ายสร้อยคอ ราคาเงินต้น ราคาดอกเบี้ย
ด้าน น.ส.ณัฐจุฑา กล่าวว่า กรณีใบรับรองของหรือใบเซอร์ติฟิเคทนำสร้อยฝากนั้น ตั้งแต่มีการนำของมาฝากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2567 น.ส.อริสรา แจ้งว่า จะนำมาให้อีกครั้ง ซึ่งบริษัทของเราทำธุรกิจสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม ราคารับฝากจะราคาลดหลั่นไปตามที่อุปกรณ์มี กรณีนี้มีแค่สร้อยกับตัวกล่องเท่านั้น
ส่วนมีการตรวจสอบรับของโจรหรือไม่นั้น อย่างที่เราแจ้งเราไม่สามารถรีเช็กหรือตรวจสอบย้อนกลับไปได้อันนี้เป็นของใคร แบรนด์ยี่ห้อบุลการีเองมีตัวแทนจำหน่าย ชื่อนำของมาฝากชื่อ น.ส.อริสรา มีการทำสัญญากัน
เราประเมินตามที่มีไม่ได้ต้องการอุปกรณ์ฟูลเซ็ตหรือครบทั้งหมด โดยมีการทำสัญญาเอกสาร บัตรประชาชน มีการลงนามถูกต้อง มีการทำสินค้ากันดังกล่าวเป็นสร้อยคอเส้นนี้ครั้งแรก
บริษัทเราทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับฝาก คนเอาเงินลงทุนมีสินค้าแบรนด์เนมมาฝากกับเราได้ สินค้ามือ 2 มาฝากได้ มีใบเสร็จไม่สามารถเช็กได้ ไม่เหมือนรถยนต์ เช็กต่อได้ใครครอบครอง สัญญามีระบุถ้อยแถลงชัดเจน สินค้าดังกล่าวต้องเป็นกรรมสิทธิ์ผู้เดียวเป็นของลูกค้า
ส่วนประเด็นให้ราคาต่ำกว่าราคาจริงนั้น ตอบเท่าไหร่สูงสุดตอบราคาไม่ได้ ให้วงเงินตามราคาตลาด ราคาที่ออกสื่อ 15 ล้านคือราคาสร้อยคอมือหนึ่ง เราตีเป็นราคามือสองที่น.ส.อริสราได้ไป อย่างไรก็ตาม ขอว่าอย่าใช้สื่อกดดันเราเพราะเราเป็นผู้เสียหาย เราขอเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายและปกป้องชื่อเสียงบริษัท
ส่วนมาตรการนั้นต้องมีกระบวนการต่อจากนี้ ปรึกษาทีมงานผู้บริหารไม่ได้มีอะไร เราโดนกระแสเรื่องการให้คืนสร้อยดังกล่าว ส่วนกำหนดเวลามีการต่อสัญญาครั้งละ 3 เดือน ต่อได้ไม่มีกำหนด ตั้งแต่ส.ค.ถึงปัจจุบัน ไม่แน่ใจน.ส.อริสราแจ้งต่อมาแล้วกี่ครั้ง ถึงแม้ราคาดีดขึ้น จะมาขอราคาต่อเพิ่มไม่ได้
เราขอดำเนินการขั้นตอนกฎหมายฝั่งบริษัทของเราก่อน หลังจากนี้จะมีการเจรจาแน่นอน อยากให้คุณอริสสราบินกลับมาเจรจาทำข้อตกลงร่วมกัน หลังจากออกรายการยืนยันไม่มีโอกาสคุยกับน.ส.อริสรา และขณะนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องการขอโทษทางฝ่ายเราแต่อย่างใด