ณพ ณรงค์เดช อยากรู้เงิน 100 โลมาจากใคร โยงคำสั่งอายัดเงินปันผลหุ้นตนเองอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนทนายกฤษณ์ยัน ไม่เคยนำเงินไปให้ใคร
จากกรณีคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีมติสอบวินัยอดีตอธิบดีศาลแพ่งและรองอธิบดีศาลแพ่ง เนื่องจากปัญหาคดีข้อพิพาทในตระกูลณรงค์เดช และล่าสุดก.ต.ได้สั่งพักราชการอดีตอธิบดี ส่วนรองอธิบดีรอดพ้นการพักราชการ เนื่องจากได้ร้องขอความเป็นธรรม โดยระบุว่า มีการเสนอเงิน 100 โล ในการอายัดเงินปันผลหุ้นพันล้านบาท แต่ตนปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามนายณพ ณรงค์เดช หลังฟังคำพิพากษาคดีที่ศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งนายณพกล่าวว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วตนได้ร้องเรียนอธิบดีผู้พิพากษาและรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแห่งหนึ่งจากกระบวนพิจารณาที่ไม่ตรงไปตรงมาและก่อนหน้านี้ก็มีหลักฐานว่า อธิบดีผู้พิพากษาดังกล่าวได้มีทางเดินเข้าออกบ้านพี่กับน้องซึ่งเป็นคู่ความของตนจำนวนหลายครั้ง ซึ่งต่อมาตนและทนายความก็รู้สึกว่ากระบวนพิจารณาไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างเช่นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเกินส่วน มีการอายัดหุ้นมากกว่าที่โจทก์ฟ้องซึ่งไม่มีข้อกฎหมายใดๆ รองรับก็ให้ และมีการเปลี่ยนตัวรองอธิบดีผู้พิพากษาที่โดนตนร้องคนดังกล่าวมาเป็นเจ้าของสำนวนตนเกือบทุกคดี จนเราร้องเรียนคณะกรรมการตุลาการไป จึงมีการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา
นายณพ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นมีการพิพากษาให้ตนชนะคดี ซึ่งขณะนี้นานมากกว่า2 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันเงินปันผลกว่า 3.4 พันบ้านบาท ก็ยังถูกอายัดอยู่ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทำความเดือดร้อนให้กับตนอย่างมหาศาล เนื่องจากตนต้องดูแลธุรกิจและดูแลลูกน้องและทำให้โอกาสทำธุรกิจเสียหาย เป็นจำนวนมหาศาลมาก คดีนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ แต่คำสั่งอายัดกลับมาจากศาลชั้นต้น ซึ่งก็มีความสับสนว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นอำนาจของศาลไหนกันแน่ ซึ่งทีมกฎหมายของตนกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่
นายณพกล่าวอีกว่า ส่วนผลการร้องเรียน ก.ต.ที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นถ้าเป็นเรื่องของตนจริง ตนก็ต้องขอขอบคุณ ก.ต. ซึ่งทราบจากทางหน้าสื่อว่า ก.ต.มีมติตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่เรื่องข้อเท็จจริงนั้นตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวน 100 กิโลกรัม หรือ 100 ล้านบาทนั้น พอได้ฟังข่าวก็ตกใจเพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งมาจากผลการประชุมคณะกรรมการตุลาการครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ก็คงต้องรอ
ทั้งนี้เรื่องเงิน100ล้านบาทของใคร อยากเรียนว่า ตนเป็นผู้ร้อง เป็นผู้ได้รับความเสียหาย ตอนนี้อยากทราบว่าเงิน 100 ล้านบาทมาจากไหน มาจากใครมาจากบริษัทมหาชนหรือไม่ หรือมาจากกองมรดก เรื่องคดีนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 คนเท่านั้นคือตน พี่ชายตน และน้องชายตน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนให้แน่ๆก็คงต้องไปถาม2 คนนั้น เรื่องนี้ตนแค่ทราบจากสื่อ ที่ร้องเรียนไปเพียงประเด็นว่าอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านและประเด็นเกี่ยวกับการพิจารณาคดี ที่ตนเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน นายพิชา ป้อมค่าย ทนายความส่วนตัวของนายกฤษณ์ ณรงค์เดช ให้สัมภาษณ์สื่อ พร้อมกับนายกรณ์ ณรงค์เดช ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจนายกฤษณ์ พี่ชาย
โดยนายพิชา กล่าวว่า คดีในวันนี้ความจริงเป็นเรื่องในครอบครัวและมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ให้บริษัทเช่าช่วง แล้วมีเงินค่าเช่าเข้ามาสู่บัญชีของบริษัท และเข้าสู่กองมรดก ซึ่งไม่ได้จ่ายเข้าบัญชีของนายกฤษณ์ ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องไปสู้กันในรายละเอียดที่ศาลสูงต่อไป สำหรับเรื่องที่อีกฝ่ายไปร้องก.ต. พวกเราไม่มีใครทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เลย
เมื่อถามถึงเรื่องคลิปที่นายณพ ระบุว่ามีอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านนั้น นายกรณ์ ณรงค์เดช กล่าวว่า เรื่องคลิปดังกล่าวตนได้ยินมานานแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้แน่นอน และไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าวด้วย ขอยืนยันว่าตนไม่รู้จักทั้งอธิบดีผู้พิพากษาและรองอธิบดีผู้พิพากษาที่ปรากฏในข่าวแน่นอน
นายพิชัย กล่าวเสริมว่า ในส่วนของประเด็นเงิน 100 โล ตนไม่แน่ใจว่ามีการเข้าใจผิดหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องเรื่องบริษัท วินเอเนอร์จี เราจึงได้ใช้สิทธิตามกฎหมายขอให้ศาลมีการคุ้มครองต่อ และศาลพิจารณาแล้วว่าคำขอของเรามีมูลเพียงพอที่จะให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อไปศาลให้เราวางเงิน 100 ล้านเป็นการวางเงินประกันความเสียหายต่อศาล และเป็นเรื่องที่เราปฏิบัติตามคำสั่งศาล ไม่ได้นำไปให้บุคคลอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งเรามีหลักฐานที่สามารถเช็คได้อยู่ในระบบ โดยเป็นคำสั่งศาลชั้นต้นที่คุ้มครองในชั้นอุทธรณ์เนื่องจากตอนนั้นสำนวนยังไม่ส่งไปศาลอุทธรณ์