ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

เมื่อเวลา 17.24 น. วันที่ 20 มีนาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุรรณภูมิ พร้อมข้าราชการระดับสูง และเจ้าหน้าที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เฝ้าฯ รับเสด็จ

ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

จากนั้นเสด็จฯไปยังมณฑลพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดรูปเทียนเครื่องนมัสการบูชา พระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมา และวัตถุประสงค์โนการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรรณภูมิ และกราบบังคมทูลเบิก

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) กราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำเร็จตามเป้าหมาย เข้าเฝ้า ฯ รับพระราชทานของที่ระลึก

ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังแท่นทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านจอ LED ภายในอาคารเทียบเครื่องบินรองหลัง 1 โดยประกอบภาพกราฟฟิกทางวิ่งเส้นที่ 3) เสร็จแล้วเสด็จฯ ไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก แล้วพระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้ให้การสนับสนุน โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำเร็จตามเป้าหมาย ตามลำดับ

และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินในนามบริษัท ท่าอากากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมา และทรงลงพระนามาภิไธย การนี้ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิโธยในแผ่นศิลา แล้วเสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสด็จออกจากมณฑลพิธี

ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

จากนั้นเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรนิทรรศการ “คมนาคมรวมใจ นำไทยสู่ศูนย์กลางการบิน และแบบจำลองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเต็มรูปแบบ” อาทิ นิทรรศการเกี่ยวกับพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ด้านการบริหารจัดการน้ำบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และพระปรีชาสามารถด้านการบินและพระมหากรุณาธิคุณต่อการบินไทย และนิทรรศการ พระปรีชาสามารถด้านการบิน และพระมหากรุณาที่คุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อการบินไทย

โดยเมื่อปี 2547 ทรงศึกษาและฝึกฝนการบินอย่างจริงจัง จนทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพานิชย์ตรี และนักบินพานิชย์เอก จากกรมการขนส่งทางอากาศ ต่อมาเมื่อปี 2548ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรกัปตัน และเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2549ทรงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายตำแหน่งนักบินที่ 1 ถึงแม้จะทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย แต่ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการบินอย่างสม่ำเสมอ ทรงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับการบินพานิชย์ และพระราชทานพระราชดำริในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการบินในหลายด้าน ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดเที่ยวบินพิเศษมหากุศล กรุงเทพ ฯ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ ฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทานให้แก่โรงพยาบาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง

และในโอกาส 50 ปี ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 ในเที่ยวบินพิเศษมหากุศล นำพุทธศาสนิกชนเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ณ พุทธคยา สาธารณรัฐอินเดีย โดยรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายจากเที่ยวบินดังกล่าว ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมทบทุนมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน ฯ (ม.ท.ศ) และกองทุนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีบังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตมางกูร เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ รวมทั้งยังพระราชทานพระราชดำริในการปรับปรุงเครื่องแบบนักบินของบริษัท ฯ กับพระราชทานพระราชดำริให้ติดตั้งระบบเตือนฟ้าผ่าในพื้นที่ปฏิบัติงานของบริษัท ฯ โดยใช้อุปกรณ์ตรวจวัดระดับความเข้มของประจุไฟฟ้า และติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าและจุดต่อกราวนด์ในหลุมจอดอากาศยานระยะไกล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านการบินพาณิชย์ของพระองค์แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรและการบินของไทยเป็นล้นพ้น

เมื่อทอดพระเนตรนิทรรศการเสร็จแล้ว เสด็จ ฯ ไปยังบริเวณฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี นายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม, คณะกรรมการ และผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อถึงเวลาอันสมควร เสด็จ ฯ ไปยังรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่รัฐบาลได้ริเริ่มโครงการมาตั้งแต่เมื่อปี 2503 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อท่าอากาศยานว่า “สุวรรณภูมิ” อันมีความหมายว่า “แผ่นดินทอง” เพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่และเรืองรองของท่าอากาศยานแห่งใหม่นี้ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ซึ่งมีปริมาณผู้โดยสารและปริมาณการจราจรทางอากาศเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 จึงใด้ดำเนินการโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปีงบประมาณ 2554-2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร จากเดิม 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ด้วยการก่อสร้างอาคารเทียบหลังที่ 1 มีลักษณะเป็นอาคาร 4 ชั้น มีพื้นทีประมาณ 216,000 ตารางเมตร มีหลุมจอดอากาศยานประชิดอาคารอีก 28 หลุมจอด โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จ ซึ่งเปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2566

อาคารเทียบหลังที่ 1 ยังได้รับรางวัล “พรี แวร์ซาย” (Prix Versailles) ในฐานะสนามบินสวยที่สุดในโลก สาขาสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านรูปลักษณ์อาคารประจำปี 2567 โดยได้ถ่ายทอดความวิจิตรของเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ไทยมาออกแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะที่สะท้อนความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัยครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต นับเป็นรางวัลที่สร้างความภาคภูมิใจแก่คนไทยทุกคน

ด้วยปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เกิดโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศได้เพิ่มขึ้นจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เฉลี่ยวันละ 800-1,000 เที่ยวบิน และเปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567

Leave a Comment