ถึงกับถามดิวถ้าลูกโดนแบบนี้บ้าง เกด สาวคู่กรณี ดิว อริสรา เล่าถูกกักขัง5วัน ทุกวันนี้ยังหวาดกลัวต้องหาหมอ ถูกบังคับหาเงินเหมือนแก๊งคอลทั้งที่เป็นแค่คนกลางธุรกิจ หนึ่งในเหยื่อก็โดนการ์ดทำร้ายจนตาเขียว อ้างชื่อ สส.คนดัง
จากกรณี เพจอีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้โพสต์เรื่องราวของสาวคนหนึ่ง อ้างว่าเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย. 67 ถูกนักแสดงสาวคนหนึ่ง ยกพวกมาข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ก่อนจับขังไว้ในโรงแรมแห่งหนึ่งแถวสาทร เพื่อแลกกับเงินจำนวน 4 ล้านบาท เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าผู้เสียหายได้สมรู้ร่วมคิดหักหลังฉ้อโกงเงิน โดยสาวคนดังกล่าวถูกคุมตัวไว้นานเกือบ 5 วัน ก่อนจะโทรให้ญาตินำเงินมาคืนให้จำนวน 4 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มี.ค.68 คุณเกด เจ้าของเรื่องดังกล่าว ได้เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 67 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน เพราะตนไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับทางคุณดิว (ดิว อริสรา) โดยเป็นการทำงานที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนแบงค์ดอลลาร์ US ตั้งแต่เดือน ก.พ. 67 ซึ่งตนรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่เป็นทอมชื่อว่า เท็ดดี้ ทางพี่เท็ดดี้ก็รู้จักกับอีกคนหนึ่งเหมือนเป็นงานทอดๆกันมา ไม่ได้รู้จักกับทางคุณดิวโดยตรง รวมถึงเพิ่งมาทราบทีหลังด้วยว่าเป็นทุนเงินของทางคุณดิว ส่วนคนที่ติดต่อมาคือคุณบอสกับคุณแมน
ในตอนแรกที่ได้งานมา ตนก็ไม่ได้สนใจนัก แต่เห็นว่าทางคุณบอสและคุณแมนบอกว่าเขามีทุนเทา ตนจึงลองเสนองานไปดู และแนะนำให้รู้จักกับคุณเท็ดดี้ พอรู้จักกันเคลียร์กันนู่นนี่ ก็ทำการตกลงกัน เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายกันตามธรรมดา ณ ตอนนั้นยังไม่ได้เอ่ยว่าเป็นเงินทุนจากทางพี่ดิว ทางคุณแมนก็ได้เอาเงินมา พร้อมมีรูปและคลิปในส่วนของการนับเงิน
พอถึงวันที่ต้องไปทำงาน เขานัดที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวสาทร วันนั้นตนก็ไปในฐานะผู้ประสานงานด้วย ฝั่งตนมี 3 คน คือ ตน คุณเท็ดดี้ และคุณชินซึ่งเป็นผู้ชาย ส่วนฝั่งคุณดิว คือคุณบอสและคุณแมนที่เดินทางมาด้วย ส่วนทางคุณดิวไม่ได้มา แต่โทรสั่งการให้ลูกน้อง 4-5 คน เข้ามาเป็นการ์ดเพื่อดูแลเงินของเขาและคุณแมน เนื่องจากคุณแมนเป็นคนสนิทของทางคุณดิว
จากนั้นก็มีการเรียกให้ไปดูสินค้า ตนก็ไปดูตามปกติ โดยเงินก้อนนี้ทางตนและคุณเท็ดไม่มีสิทธิ์แตะต้อง พอมีการไปตรวจเช็กตามที่ตกลงกัน ทางคนรับเงินที่คุณเท็ดดี้พามาก็บอกว่า เดี๋ยวเราจะต้องรีบนิดหนึ่ง เพราะทางเขามีธุระ ทั้งนี้คนที่ถือเงินนี้ไปคือคุณบอส ซึ่งเป็นคนของทางคุณดิว
ต่อมาพวกตนก็ทำการเดินทางไปยังโรงแรมข้างๆ แถวสาทร ไปตรงที่ดูสินค้า ตอนนั้นตนนั่งอยู่กับทางคุณบอสที่เป็นคนถือเงินอยู่ที่ตัว 3,000,000 กว่าบาท โดยคนรับเงินและคุณบอสคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งตนฟังไม่รู้เรื่องเพราะเป็นสำเนียงที่ไม่คุ้นเคย คุยกันไปสักพักหนึ่งทางคุณบอสก็เดินตามคนรับเงินไปที่หน้าลิฟต์ ซึ่งวันนั้นตนใส่ส้นสูงมาทั้งวันแล้วเจ็บเท้า จึงเดินตามคนรับเงินและคุณบอสไปไม่ทัน
ทั้งนี้เวลาซื้อขายอะไรต้องตรวจสอบทุกอย่างก่อนจ่ายเงิน แต่ทางคุณบอสซึ่งถือเงินมา พอไปถึงตรงนั้นกลับเอาเงินให้คนรับเงินไปเลย และรับของมาโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็กหรือดูของ
ตนเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าไปบอกว่า “ไอตัวกระเป๋านี้ มันมีกุญแจนะ มันมีพาสเวิร์ดนะ ทำไมเอาเงินให้เขาไปโดยที่คุณไม่ขออะไรมา ถ้ามันเป็นเงินปลอมขึ้นมาจะทำยังไง” ต่อมาทุกคนเลยรีบเดินตามหาคนที่รับเงินไป ซึ่งตอนนั้นคนอยู่หน้าลิฟต์เยอะ คนรับเงินก็ไปไหนต่อไหนแล้ว
ด้านการ์ดของคุณดิว 4-5 คนก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งตนก็ตกใจว่าการจ่ายเงินให้การ์ดมาเฝ้าของทั้งวัน แล้วพอถึงเวลาการ์ดกลับหายไปไหน ไม่ปกป้องเงิน รวมถึงคุณบอส คนของคุณดิวก็ไม่ตรวจสอบของก่อนรับมาด้วย
จากนั้นคุณดิวก็ทำการเช่าโรงแรมในเมืองเพื่อเปิดห้องและเอาของในกระเป๋านี้ขึ้นมาดู พอเอาของขึ้นมาเปิด ตอนแรกเปิดไม่ได้เพราะไม่มีกุญแจไม่มีพาสเวิร์ด แต่พอเปิดออกมาได้ กลับกลายเป็นว่าได้เงินดอลลาร์ของปลอมที่เหมือนถ่ายเอกสารมาทั้งกระเป๋า ซึ่งตนก็เตือนแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่คุณบอสจะเดินถือเงินไปจ่าย
ต่อมาทางคุณดิวก็บอกว่า ให้พวกตนรวมกัน 3 คน คือ ตน คุณเท็ดดี้ และคุณชิน ร่วมกันรับผิดชอบ แต่กลับบอกว่าคุณบอสกับคุณแมนไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนเป็นแค่คนตัวกลาง แต่โดนขังอยู่ในห้องโรงแรมนั้นทั้งหมด 5 วัน โดยหาว่าตนมีส่วนรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงก็เลยเอามาขัง ซึ่งตนก็บอกให้ว่ากันไปตามหลักฐาน ถ้าผิดจริงตนก็ยอมรับ แต่กรณีนี้คนที่ถือเงินเป็นคนของคุณดิวเอง ตอนจ่ายเงินลูกน้องของคุณดิวหายไปไหน ทำไมไม่อยู่ดูเงิน ซึ่งในวันนั้นตนไม่เจอคุณดิว โดยตรง แต่เจอคุณดิวในวันถัดไป ที่ต้องเดินทางไปที่คอนโดของคุณดิว
ในระหว่างที่พวกตนทั้ง 3 คน โดนกักขังให้อยู่ด้วยกันทุกคนในห้องโรงแรมนั้น ตนไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายเพราะตนเป็นผู้หญิงคนเดียว แต่ทางคุณดิวก็ให้พวกตนหาวิธี ทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง ในการหาเงินมาด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่เพื่อเอาเงินมาคืนเขา ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แม้กระทั่งกู้นอกระบบรายวันมาจ่าย ถ้าวันนั้นไม่ได้ยอดหรือไม่มียอด เขาจะทบอีกคนละ 100,000 บาท ทางฝั่งนั้นอ้างว่าไม่ได้กักขังพวกตน ยังให้เดินไปไหนมาไหนได้ แต่เขากลับส่งลูกน้องให้เดินตามพวกตนไปทุกที่ ซึ่งตนมองว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับการกักขังเลย ทั้งนี้ไม่มีการจับมัด มีเพียงแค่ให้คนมาคุม และยังมีการหาข้าวหาน้ำให้กิน เพราะไม่อย่างนั้นน่าจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่านี้
อีกทั้งยังมีการเชือดไก่ให้ลิงดู โดยวันที่พวกตนต้องเดินทางไปที่คลินิกของคุณแมนซึ่งเป็นการกู้นอกระบบรายวันเพื่อที่จะมาจ่ายหนี้เขา ทางคุณชินฝั่งของตนมีการขอความช่วยเหลือไปที่คุณแบงก์ เพื่อให้มาช่วยว่าตอนนี้คุณดิวทำอะไรกับพวกตนไปบ้าง
พอมีการเอ่ยชื่อเท่านั้น ทางคุณดิวก็โทรหาการ์ด แม้จะไม่ได้สั่งให้ทำร้ายร่างกาย แต่คุณดิวพูดว่า “แล้วแต่จะจัดการ” ทำให้คุณชินโดนซ้อมในรถจนรถโยก ต่อหน้าต่อตาพวกตน จนสภาพตาเขียวหน้าบวม
ทางพ่อและครอบครัวของตนเห็นว่าตนหายไปหลายวัน ซึ่งตนพูดความจริงกับครอบครัวไม่ได้ทั้งหมด เพราะทุกครั้งที่ตนคุยโทรศัพท์กับครอบครัว ตนต้องเปิดลำโพงเพื่อให้ฝั่งคุณดิวได้ยินว่าคุยอะไรบ้าง โดยฝั่งคุณดิวบอกแค่ว่า
“ต่อให้พวกมึงกลับไป ยังไงพวกกูก็ตามได้อยู่ดี มึงเลือกเอาแล้วกันว่า ระหว่างมึงจะอยู่ที่นี่ หรือมึงจะยอมให้ครอบครัวมึงเดือดร้อน มึงจะมาทั้งโคตรเหง้ามึงเลยก็ได้” ณ ตอนนั้นตนก็พยายามหาติดต่อหาคนรอบข้างที่อยู่ข้างนอกให้ช่วยตนหน่อย
ช่วงที่พ่อตนไปแจ้งความที่ สน.ยานนาวา ตอนแรก สน.ยานนาวา ไม่รับแจ้งความ พ่อของตนก็เลยจะไปแจ้งความที่ สน.บางนา แต่อยู่ๆทาง สน.ยานนาวา ก็โทรตามให้พ่อของตนกลับไปแจ้งความอีกรอบ ในจังหวะเดียวกันกับที่ทางคุณดิวโทรมา ทางคนฝั่งคุณดิวก็โทรหาทางคุณแพมซึ่งเป็นแม่เลี้ยงหรือแฟนของพ่อตน ซึ่ง ณ ตอนนั้นอยู่กับตำรวจที่ สน.ยานนาวา ด้วย โดยมันมีคลิปเสียงที่ทางคุณแพมอัดไว้ว่า “ต่อให้เอาเงินมา 100,000 หนึ่ง เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวตน เขาต้องการเงินคืน ยอดรวมกันทั้งหมด 3,200,000 บาท” ซึ่งบางส่วนคนในทีมรวมกันทั้งหมด 5 คน ก็คืนเงินส่วนนี้ไปเยอะแล้ว
จังหวะที่ตนเดินลงมาจากโรงแรม พ่อของตนมายืนยันตัวตน ทางตำรวจ สน.ยานนาวา ก็เข้าชาร์จพวกตนพร้อมโดนยึดโทรศัพท์ ด้านคนที่เป็นการ์ดของคุณดิวก็โดนพาตัวไปที่ สน. มีแค่คุณบอสกับคุณแมนที่ไม่ได้ไปเพราะเดินขึ้นข้างบนเพื่อจะไปเอาคีย์การ์ด
ตอนไปที่ สน. พวกตนก็ถูกถามว่าโดนนู่นนี่นั่นจริงไหม ตนก็เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สุดท้ายแล้วมีสายหนึ่งโทรมาบอกให้ปล่อยตัวการ์ดของคุณดิว โดยอ้างชื่อ ส.ส.ไผ่ วันพอยท์
ตอนที่พวกตนถูกกักขังนั้น พวกตนได้ยินทุกอย่าง ถูกขู่ทุกวัน จนทำให้จิตตก ตนคุยกับพี่ในกลุ่มว่า “ถ้าวันนี้ตนไม่ได้ออก ตนจะขึ้นไปที่ตึกเพื่อโดดตึกตาย ตนไม่ไหวแล้ว” ซึ่งสภาพจิตใจตนแย่มาก ไม่มีใครกล้าที่จะบอกตำรวจต่อหน้า แม้แต่คุณชินที่โดนซ้อม ก็อ้างว่าไปมีเรื่องชกต่อยกัน ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้หาหลักฐานมายืนยันเลยว่าคุณเกิดคดีชกต่อยกันที่ไหน ทำไมหน้าคุณเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่่คุณชินโดนการ์ดซ้อม จนไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่
ตนอยากบอกฝั่งพวกเขาว่า ตนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่การที่เขาแม้กระทั่งทนายของเขาคุยกับพวกตน โดยใช้คำว่า “คนที่ผิดจริงๆคือพวกคุณ เพราะว่าพวกคุณทำเรื่องผิดกฎหมาย” ซึ่งตนถามไปว่า “ถ้าเราผิดจริง เรายินดีให้ว่าไปตามกฏหมาย แต่ทำไมถึงไม่คุยกับเราตามกฎหมาย” เขาอ้างถึง ส.ส.ไผ่วันพอยท์ และ ตุ๋ย ธรรมนัส พวกตนไม่ได้มีเส้นสายอะไร ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง เป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยอะไร
พวกตนยอมรับว่าพวกตนก็มีส่วนผิด ผิดที่เชื่อคนง่าย แต่ก็ไม่สมควรที่จะโดนกระทำแบบนี้ พวกตนก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกัน ตอนนั้นคุณดิวเองก็ท้องอยู่ด้วย ตนจึงถามไปคำนึงว่า “ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นกับลูกของพี่ดิวบ้าง โดยที่พี่ไม่ได้ฟังอะไร พี่จะรู้สึกยังไงบ้าง ถ้าลูกตัวเองโดนแบบนี้” แต่ด้านคุณดิวก็บอกแค่ว่า “เขาไม่มีวันที่จะเป็นแบบนั้น”
ที่ผ่านมาตนไม่เคยทำงานกับฝั่งของคุณดิวด้วยกันมาก่อน เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก ตอนแรกในใจตนชอบพี่ดิวอยู่แล้วในผลงาน แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันทำให้ตนเห็นอีกด้านหนึ่งของเขาไปเลย หลังออกมาจากการถูกกักขัง ตนต้องอยู่กับความกลัว กลายเป็นคนป่วยเป็นโรคจิตเวชไปเลย ต้องพบหมอจิตเวชและกินยาทุกเดือน ตนไม่รู้ว่าชาตินี้หรือว่าทั้งชีวิตนี้ตนจะหายป่วยจากโรคนี้ไหม จะใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้อีกหรือเปล่า
เพราะทุกวันนี้ตนยังกลัวการออกไปข้างนอก กลัวว่าเดินๆอยู่จะโดนยิงไหมเพราะพวกตนถูกข่มขู่ ด้วยคนมีชื่อเสียง มีอำนาจในการสั่งทำนั่นทำนี่ ตนไม่รู้ว่าตนจะโดนอะไร ตนอยู่บ้านยังไม่ได้ มันทำให้ตนจิตตก กลายเป็นคนหวาดระแวง เป็นแพนิกไปเลย ซึ่งตอนนี้ก็รักษาตัวอยู่ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เรื่องมันผ่านไป ณ ตอนนี้ สภาพจิตใจตนก็ยังไม่โอเคพอสมควร พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ทำให้ตนรู้สึกกลัว ตนอยู่กับความกลัว พอออกมาตนกลายเป็นคนที่ต้องพบหมอจิตเวชทุกเดือน ต้องกินยาทุกเดือน